
ยืนได้ก็สบายใจ
สิ่งที่ “โมนิก้า” คาดหวังทุกครั้งที่ดัชนีทรุดตัวลงต่อเนื่อง ก่อนจะเด้งกลับขึ้นมาอีกครั้งก็คือ วันต่อไปดัชนีควรรักษาทรงด้วยการประคองตัวในแดนบวกให้ได้ตลอดทั้งวัน
สิ่งที่ “โมนิก้า” คาดหวังทุกครั้งที่ดัชนีทรุดตัวลงต่อเนื่อง ก่อนจะเด้งกลับขึ้นมาอีกครั้งก็คือ วันต่อไปดัชนีควรรักษาทรงด้วยการประคองตัวในแดนบวกให้ได้ตลอดทั้งวัน ซึ่งจะเป็นตัวปลุกความหวังที่จะได้เห็นดัชนีไต่ระดับขึ้นไปสร้างแนวรับใหม่ที่สูงกว่าเดิม เดี๊ยนถึงพยายามเสาะแสวงหาข้อมูลดี ๆ มาเล่าให้แฟนคลับฟังเป็นประจำ โดยเฉพาะในมุมของค่า PE และ PBV ที่ต่ำเกิน มันบอกให้รู้ว่า ความเสี่ยงในการลงทุนน้อยมากนะจ๊ะ
ฉะนั้นการที่ดัชนีเด้งกลับขึ้นมาปิดที่ระดับ 1,140.63 จุด บวกไป 8.61 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.32 หมื่นล้านบาท จึงเหมือนเป็นภาพสะท้อนที่ทำให้อีฉันมั่นใจมากขึ้นว่า เมื่อใดที่ดัชนีลงมายังบริเวณ 1,120 จุด น่าจะมีแรงช้อนหุ้นกลับเข้ามาเป็นจำนวนมาก และวานนี้ก็เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่อีฉันต้องหยิบยกขึ้นมาเล่าให้ฟัง เพื่อทำให้นักลงทุนขาประจำได้เห็นภาพในมุมที่ลึกขึ้นไปอีกนิดหนึ่งนะซี
ที่สำคัญคือ อีฉันอยากให้ภาพบรรยากาศแบบนี้อยู่กับตลาดหุ้นไทยไปนาน ๆ แต่เผอิญเรามีผู้นำประเทศที่มีลักษณะ “อ่อนด้อย เบาสมอง” เลยทำให้สภาพของประเทศตกอยู่สภาวะไร้ทิศทางอย่างที่เราเห็นนี่แหละ! แถมหล่อนยังมีภาพเป็นคนที่เฟียสสุด ๆ เลยทำให้สถานการณ์หลายอย่างดูย่ำแย่ลงไปหมด จนทำให้โลกโซเชียลกลับมาแชร์อีกครั้งว่า หล่อนแก้ปัญหาอีท่าไหนไม่รู้?..ถึงทำให้วิกฤติกลายเป็นหายนะเจ้าค่ะ
ประเด็นข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” ต้องพยายามหาหุ้น “สตอรี่ดี จับต้องได้” เพื่อมานำเสนอเป็นทางเลือกให้กับนักเล่นเป็นระยะ โดยหุ้นที่ทำผลงานได้ดีสม่ำเสมอ และมีข่าวดีเข้ามาซัพพอร์ตคงมองไปที่ KTB เป็นลำดับแรก เพราะแค่ดูจาก BV ที่ระดับ 32 บาท ก็ทำให้อีฉันอุ่นใจสุด ๆ และมองการยืนปิดที่ระดับ 21.90 บาท บวกไป 0.30 บาท หรือขึ้นไป 1.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 845 ล้านบาท น่าสนใจนะจะบอกให้
อีกรายที่ชอบเม้าท์ถึงทุกครั้งที่ตลาดหุ้นไทยเริ่มยืนได้ “โมนิก้า” ขอมองไปที่หุ้น TTB แบบไม่ลังเลใจ เพราะมองแค่เรื่องความสามารถในการทำกำไร ควบคู่กับ BV ที่ระดับ 2.53 บาท รวมทั้งเป็นหุ้นที่รายย่อยชอบลุยทุกครั้ง จึงมองการยืนปิดที่ระดับ 1.94 บาท บวกไป 0.03 บาท หรือขึ้นไป 1.55% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 521 ล้านบาท มีลุ้นขึ้นไปที่ 2 บาทอีกครั้ง แต่ต้องผ่านแนวต้าน 1.95 บาทไปให้ได้ก่อนนะนายจ๋า!
ส่วนรายที่เคลียร์ปัญหาฟ้องร้องจบเสียทีอย่าง SAWAD ก็ถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับการเล่นสั้น ๆ เพราะได้พิสูจน์ให้เห็นว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ ส่วนในมุมของธุรกิจก็ต้องรอเศรษฐกิจฟื้นตัวต่อเนื่องเสียก่อน หลังจากนั้นจะเห็นความสามารถในการทำกำไรที่เด่นชัดขึ้น “โมนิก้า” ถึงอยากให้นักเล่นประเมินกันว่า กายืนปิดที่ระดับ 18.80 บาท บวกไป 0.80 บาท หรือขึ้นไป 4.45% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 439 ล้านบาท ท่ามกลาง PE 6 เท่าเสี่ยงไหม?
ในเมื่อเม้าท์ถึงเรื่องลุ้นฟื้นตัวขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” ขอแว็บไปดูหุ้น JMART เพื่อชี้ให้เห็นการขึ้นมายืนปิดที่ระดับ 6.90 บาท บวกไป 0.60 บาท หรือขึ้นไป 9.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 174 ล้านบาท เพื่อชี้ให้เห็นค่า PE ที่ระดับ 9 เท่า และมีค่า BV ที่ระดับ 13 เท่า เป็นระดับที่เหมาะต่อการลงทุนอย่างไม่ต้องสงสัย แต่เผอิญรอบที่ผ่านมาก็ขึ้นมาลักษณะนี้ แต่สุดท้ายก็โดนรินใส่เป็นระยะ อีฉันเลยหวังว่า รอบนี้จะไม่เกิดเช่นนั้นอีกนะคะ
ตบท้ายที่ม้านอกสายตาอย่างหุ้น PMC เพื่อชี้ให้เห็นการขึ้นมาปิดที่ระดับ 1.09 บาท บวกไป 0.19 บาท หรือขึ้นไป21.10% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 87 ล้านบาท เป็นการเล่นแบบดุดันไม่เกรงใจใคร แถมในมุมของธุรกิจฉลากสินค้าก็ไม่ได้โตโดดเด่นเกินกว่าใคร แต่ถ้ามองในมุมของ PE ที่ระดับ 7 เท่า ควบคู่กับ BV ที่ระดับ 1.44 บาท จึงเหมาะต่อการโหนกระแสก็เท่านั้นเองจ้า!
โมนิก้าและทีมงาน