
จบท่าเดิมทุกที
เริ่มต้นสัปดาห์ใหม่ทั้งที “โมนิก้า” ขอหยิบยกข้อมูลเก่าขึ้นมาอธิบายไซเคิลของตลาดหุ้นไทยในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา
เริ่มต้นสัปดาห์ใหม่ทั้งที “โมนิก้า” ขอหยิบยกข้อมูลเก่าขึ้นมาอธิบายไซเคิลของตลาดหุ้นไทยในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา เพื่อทำให้แฟนคลับปลงอนิจจาตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง เพราะนับตั้งแต่เดือน มี.ค.-พ.ค. ตลาดหุ้นไทยยังไม่มีอะไรกระเตื้องเหมือนที่หวัง (การเมืองเฮงซวย เลยพากันซวย) ซึ่งเห็นได้จากดัชนีช่วงต้นเดือน มี.ค. อยู่ที่ระดับ 1,188 จุด พอต้นเดือน เม.ย. ลงมาทำโลว์อยู่ที่ 1,074 จุด ขณะที่กลางเดือน พ.ค. ขึ้นไปยืนปิดไฮที่ 1,214 จุด..จำกันได้บ่!
โดยหลังจากนั้นเป็นต้นมา ดัชนีก็ไหลลงมาเรื่อย ๆ จนล่าสุดยืนปิดอยู่ที่ระดับ 1,136.43 จุด ลบไป 4.20 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.08 หมื่นล้านบาท มันเป็นภาพที่ทำให้ “โมนิก้า” รู้สึกเซ็งในอารมณ์อย่างมาก เพราะก่อนหน้านี้เพียง 1 วัน ตัวอีฉันเพิ่งเปรยกับแฟนคลับว่า ขอแค่ดัชนีประคองตัวได้สักระยะหนึ่ง ต่อจากนั้นน่าจะปลุกความหวังของนักเล่นขึ้นมาอีกครั้ง แต่สุดท้ายดัชนีก็ทรุดฮวบแบบนี้..เหมือนตบหน้าอีฉันอย่างแรงเลยจ้า
ที่เลวร้ายอีกอย่างหนึ่งก็คือ กองทุนที่ทุกคนคิดว่าจะเป็นตัวแบกตลาดหุ้นไทย กลับเป็นนักเล่นที่เปิดตูดหนีก่อนใครทุกครั้ง ขณะที่รายย่อยต้องสวมบทช่วยรับของที่สาดลงมาจนหลังแอ่นแบบนี้.. มันเป็นสถานการณ์ที่ทำให้น้องโมเป็นไบโพลาร์ไปโดยปริยาย เพราะตลาดหุ้นไทยทำให้อารมณ์ของอีฉันแปรปรวนไปตามขึ้นลงของดัชนีแบบเต็มตัว ผนวกกับเห็นมูลค่าการซื้อขายซบเซาลงเรื่อย ๆ..เอาไงดีคะ
งงสุด ๆ คงเป็นสถานการณ์ของหุ้น VGI ที่เกิดอาการทรุดฮวบลงมาปิดที่ระดับ 2.06 บาท ลบไป 0.20 บาท หรือลงไป 8.85% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 245 ล้านบาท ทั้งที่ไม่มีลางบอกเหตุอะไรมาก่อนแบบนี้ “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องที่น่ากังวลเป็นอย่างมากสำหรับหุ้นที่เคยเป็นตัวท็อปของตลาดหุ้นไทย เพราะภาพที่สะท้อนออกมาด้วยการขายทิ้งอย่างหนักหน่วง..มันเหมือนย้ำใหทุกคนรู้ว่า จบเกมแล้วค่ะนาย!
ส่วนรายที่ยังมีเคราะห์กรรมไม่เลิกอย่างหุ้น TOP ก็เป็นอะไรที่น่าเห็นใจเหลือเกินสำหรับตัวอีฉัน เพราะการที่น้ำมันดิบรั่วลงทะเลระหว่างขนถ่ายเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ทำให้ทุกคนรู้ได้ทันทีว่า ต้นทุนในการแก้ปัญหาพุ่งปรี๊ดแน่นอน และเรื่องนี้จะกระทบกับผลงานไตรมาส 2 อย่างไม่ต้องสงสัย บรรดานักเล่นเลยถล่มขายหุ้นตลอดทั้งวัน จนหุ้นลงมายืนปิดที่ระดับ 27.50 บาท ลบไป 1.50 บาท หรือลงไป 5.15% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.56 พันล้านบาทไงล่ะคะ
สำหรับรายที่ทำท่าเหมือนจะยืนได้ แต่กลับโดนรินขายตลอดทั้งวันอย่างหุ้น KTC ก็เป็นอะไรที่น่าห่วงเช่นกัน เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่า เศรษฐกิจมีผลต่อความสามารถในการกำไรของบริษัท “โมนิก้า” ถึงอยากให้นักเล่นประเมินการยืนปิดที่ระดับ 37.75 บาท ลบไป 0.25 บาท หรือลงไป 0.65% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 358 ล้านบาท น่ากังวลเหมือนที่อีฉันคิดหรือเปล่า? ลองไปคิดกันดูนะตัวเอง
ประเด็นข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” ต้องเอ่ยถึงหุ้น PLANB เพื่อชี้ให้เห็นดีลซื้อหุ้น “Hello LED” ที่ถูกเลื่อนออกไป 2 ปีครึ่ง เหมือนเป็นสัญญาณที่บอกให้รู้ถึงสถานการณ์ป้ายโฆษณาไม่ค่อยสู้ดี จึงไม่อยากควักเงินมากถึงสี่พันล้านออกจากกระเป๋า ขณะเดียวกันก็ทำให้การรับรู้กำไรผิดแผนไปหมด แรงขายจึงไหลออกมา 3 วันติด จนหุ้นลงมาปิดที่ระดับ 4.66 บาท ลบไป 0.20 บาท หรือลงไป 4.10% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 348 ล้านบาทแบบนี้..ซึมยาวค่ะ
ตบท้ายกันที่หุ้น OKJ เพื่อชี้ให้เห็นการเข้ามาเทรดไม่ถึง 1 ปี ก็กลายเป็นหุ้นที่โลกลืมไปเสียแล้ว! แถมราคาหุ้นก็เอาแต่มุดหัวลงดินลูกเดียว จนวันนี้เห็นหุ้นยืนปิดที่ระดับ 6.45 บาท ลบไป 0.10 บาท หรือลงไป 1.55% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 8 ล้านบาท ทั้งที่ตอนเข้าตลาดหุ้นขายไอพีโอที่ราคา 6.70 บาทแบบนี้..แสดงว่า นักเล่นกังวลผลงานที่เหลือของปี 68 จะออกมาไม่ดี หลังสภาพเศรษฐกิจไม่เอื้อใช่ไหม?
โมนิก้าและทีมงาน