
ลืมเซาท์เทิร์นซีบอร์ดแล้วบ่
รัฐบาลพรรคเพื่อไทย กำลังควานหาเมกะโปรเจกต์ หรือโครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ เพื่อหวังผลกระตุ้นเศรษฐกิจ และจารึกไว้เป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของพรรค
รัฐบาลพรรคเพื่อไทย กำลังควานหาเมกะโปรเจกต์ หรือโครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ เพื่อหวังผลกระตุ้นเศรษฐกิจ และจารึกไว้เป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของพรรค 1 ในนั้นก็คือ โครงการแลนด์บริดจ์ชุมพร-ระนอง เพื่อเชื่อมฝั่งทะเลอ่าวไทยและอันดามัน โดยไม่ต้องผ่านช่องแคบมะละกา
มนพร เจริญศรี รมช.คมนาคมแถลงความเคลื่อนไหวล่าสุดว่า ยังอยู่ในขั้นตอนการจัดทำร่างพ.ร.บ.ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ในลักษณะเดียวกับพ.ร.บ. EEC ภาคตะวันออก คาดจะนำเสนอครม.ในเดือนพ.ค. 68 เสนอสภาผู้แทนฯ บังคับใช้เป็นกฎหมายปลายปี 68 และเริ่มก่อสร้างปี 69
แลนด์บริดจ์เส้นนี้มีระยะทาง 90-100 ก.ม. มีท่าเรือน้ำลึกทั้ง 2 ฝั่ง รถไฟทางคู่ ทางพิเศษมอเตอร์เวย์ ท่อส่งน้ำมัน เขตอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ และพาณิชยกรรม เรือไม่ต้องอ้อมมาเลเซีย-สิงคโปร์ หลีกเลี่ยงความแออัดในช่องแคบมะละกา ซึ่งช่วยลดเวลาเดินทางประมาณ 2-4 วัน
รูปแบบลงทุนเป็นแบบ PPP รัฐร่วมลงทุนกับเอกชน มูลค่าลงทุนรวมประมาณ 1 ล้านล้านบาท เป็นปัญหาที่รัฐต้องพิจารณาโดยรอบคอบ
ปัญหาที่น่าพิจารณาอันดับแรกเลยก็คือ ความซับซ้อนในการขนถ่ายสินค้าขึ้นและลง( Double Handling) จะหาทางลดความซับซ้อนดังกล่าวอย่างไร ยังไม่เคยมีใครให้คำตอบ นอกจากนั้น ก็ควรจะต้องค้นหาพันธมิตรทางการค้า-โลจิสติกส์ที่มีข้อตกลงการใช้งานล่วงหน้า
เพื่อเป็นหลักประกันว่าจะไม่เป็น “ท่าเรือร้าง” กลายเป็นการทิ้งเงินลงทุนมหาศาล โดยเปล่าประโยชน์
ในประการสำคัญที่สุดก็คือ โครงการนี้ ยังไม่เคยมีแผนการศึกษาความเป็นไปได้ (ฟีสสิบิลิตี้ สตัดดี้) โดยสถาบันที่น่าเชื่อถือระดับโลกแต่อย่างใดเลย เพราะนี่ไม่ใช่โครงการสร้างถนนไฮเวย์ธรรมดา แต่เป็นโครงการสร้างศูนย์กลางโลจิสติกส์และการขนส่งระดับโลก
จะคิดการใหญ่โดยใช้วิธีคิดแบบสร้างถนนหรือ “มวยวัด” อย่างเดียวมิได้ แม้กระทั่งโครงการ EEC ทุกวันนี้ก็เถอะ
อยากให้รมช.มนพร ทบทวนถึงโครงการถนนเซาท์เทิร์น ซีบอร์ด กระบี่ (อ่าวลึก) -สุราษฎร์ธานี (กาญจนดิษฐ์) ระยะทาง 133 ก.ม.สักหน่อย ซึ่งจินตนาก่อนการก่อสร้าง เหมือนกันเด๊ะเลยกับแลนด์บริดจ์ชุมพร-ระนอง
คือเชื่อม 2 ฝั่งทะเลเพื่อไม่ต้องอ้อมมาเลย์-สิงคโปร์ โดยก่อสร้างถนน 4 ช่องจราจร เว้นช่องกลางเป็นคูน้ำกว้าง 150 เมตร สำหรับวางท่อส่งน้ำมัน ทางรถไฟ และสิ่งอำนวยความสะดวกในอนาคต
เริ่มก่อสร้างปี 2542 แล้วเสร็จปี 2546 ใช้งบประมาณ 3,500 ล้านบาท โดยได้รับเงินสนับสนุนบางส่วนจากไจก้าและมิยาซาวะ แต่ถึงเดี๋ยวนี้ ผ่านมาแล้ว 22 ปี ท่อส่งน้ำมัน ทางรถไฟ สิ่งอำนวยความสะดวกตรงเกาะกลาง ก็ยังไม่ได้สร้าง และท่าเรือก็ยังไม่มี
มีแต่ถนนสายเปลี่ยวที่ใช้งานกันน้อยมาก ความฝันกับความจริง ห่างกันลิบลับ
แน่ใจหรือ เงินลงทุนตั้ง 1 ล้านล้านบาทสำหรับแลนด์บริดจ์แนวชุมพร-ระนอง จะไม่เป็นอนุสาวรีย์ร้าง เพราะขาดคนใช้งาน
ชาญชัย สงวนวงศ์