‘จีน’เศรษฐกิจขยายตัว.!

สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (National Bureau of Statistics of China : NBS) รายงานตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ของจีนไตรมาส 2/68 มีการขยายตัว 5.2%


สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (National Bureau of Statistics of China : NBS) รายงานตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ของจีนไตรมาส 2/68 มีการขยายตัว 5.2% สูงกว่านักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ระดับ 5.1% แต่ตัวเลขดังกล่าว ต่ำกว่าการเติบโตช่วงไตรมาส 1/68 ที่เคยสูงถึง 5.4%

การลงทุนสินทรัพย์ถาวรของจีน มีการเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ ช่วงครึ่งแรกปี 2568 รับแรงหนุนจากภาคอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง ช่วยชดเชยภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ปรับตัวลดลง โดยข้อมูลระบุว่า การลงทุนรวมเพิ่มขึ้น 2.8% มาอยู่ที่ 24.87 ล้านล้านหยวน (3.48 ล้านล้านดอลลาร์)

เมื่อพิจารณาเป็นรายภาคอุตสาหกรรม พบว่า การลงทุนด้านการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มขึ้น 4.6% จากช่วงเดียวกันปีที่แล้ว ขณะที่การลงทุนด้านการผลิตเพิ่มขึ้น 7.5%

การลงทุนอุตสาหกรรมไฮเทค มีอัตราการเติบโตโดดเด่น โดยการลงทุนบริการสารสนเทศเพิ่มขึ้น 37.4%, การผลิตเครื่องบินและยานอวกาศเพิ่มขึ้น 26.3% และการผลิตคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์สำนักงานเพิ่มขึ้น 21.5%

หากไม่รวมภาคอสังหาริมทรัพย์ การลงทุนสินทรัพย์ถาวรของจีน ช่วงครึ่งแรกปี 2568 เพิ่มขึ้น 6.6% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อน

ขณะเดียวกันการลงทุนภาคพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ลดลง 11.2% การลงทุนภาคเอกชนลดลง 0.6% จากปีก่อน อย่างไรก็ดีหากไม่รวมอสังหาริมทรัพย์การลงทุนภาคเอกชนเพิ่มขึ้น 5.1%

Laiyun Sheng รองกรรมาธิการ NBS ระบุว่า การบริโภคภายในประเทศ มีส่วนสนับสนุนการเติบโตของ GDP ช่วงครึ่งปีแรกถึง 52% โดยจีนมีสัดส่วนการบริโภคเพิ่มสูงขึ้นไตรมาส 2/68 ตรงกันข้ามกับการค้าชะลอตัวลง

แผนการสนับสนุนการขายปลีกโดยรวม บ่งชี้ว่าผู้กำหนดนโยบายต้องผลักดันรายได้ประชาชน เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายให้ฟื้นตัวอย่างยั่งยืน ทั้งนี้คาดว่าราคาผู้บริโภคจะฟื้นตัวขึ้นช่วงครึ่งหลัง โดยชี้ให้เห็นถึงความพยายามของรัฐบาลในการกระตุ้นการใช้จ่ายควบคู่กับการหยุดยั้งสงครามราคา

ขณะที่ Tianchen Xu นักเศรษฐศาสตร์จาก Economist Intelligence Unit ระบุว่าแม้แนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจ อาจชะลอลงช่วงครึ่งปีหลัง แต่เป้าหมายการเติบโต 5% ของรัฐบาลยังอยู่ในกรอบที่สามารถบรรลุเป้าหมายได้ หลังสหรัฐประกาศขึ้นอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจีน 145% ช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา ส่งผลให้รัฐบาลจีนออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจำนวนมาก

อย่างไรก็ตามทั้ง 2 ฝ่ายสามารถบรรลุข้อตกลง เพื่อลดระดับความรุนแรงของสงครามการค้า เป็นการชั่วคราวและวางกรอบความร่วมมือระหว่างกันหลังการประชุมที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา

ขณะที่นายหวาง อี่ผิง สมาชิกคณะกรรมการนโยบายการเงิน ธนาคารกลางจีน ร่วมกับนายกั๋ว ไค อดีตเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางจีน เสนอให้รัฐบาลจีน เพิ่มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ 1-1.5 ล้านล้านหยวน (ประมาณ 2.09 แสนล้านดอลลาร์) หรือประมาณ 7.2 ล้านล้านบาท ภายใน 12 เดือน เพื่อส่งเสริมการใช้จ่ายของครัวเรือน และลดทอนผลกระทบจากภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ที่อยู่ในระดับ 20-30%

Back to top button