1,230 จุดขาย?

สัปดาห์ก่อน “โมนิก้า” เม้าท์ถึงหุ้นแกนหลักไปเยอะพอสมควร และได้เน้นย้ำให้นักเล่นได้รู้ว่า ตลาดหุ้นซึมซับข่าวร้ายเยอะแล้ว อีฉันเลยเชื่อว่า ดัชนีจะวิ่งกลับขึ้นไปทดสอบไฮเดิมที่บริเวณ 1,230 จุด อีกครั้ง และบริเวณนั้นจะเป็นรอยต่อสำคัญที่ชี้ถึงโอกาส “ไปต่อ” หรือ “จบรอบ” แบบนี้..มันเป็นเกมที่นักเล่นต้องประเมินความเสี่ยงกันเอาเอง เพราะอีฉันยังไม่มีข้อมูลซัพพอร์ตในจุดนี้พะยะค่ะ 

ที่สำคัญคือ การเคลื่อนตัวแบบ M-Shape อย่างสมบูรณ์แบบ ควรจะมียอดบนที่เท่ากันทั้ง 2 ยอด..หากไม่เป็นเหมือนที่ว่า การเคลื่อนตัวจะกลายเป็น W-Shape ในลักษณะยอดใหม่ต่ำกว่ายอดเก่า และจะนำไปสู่การแกว่งตัวลง หรือที่คุณ ๆ ท่าน ๆ รู้จักกันในชื่อ ไซด์เวย์ดาวน์! ซึ่งอีฉันภาวนาว่า อย่าให้เป็นเช่นนั้นเลย เพราะกว่าจะมาถึงวันที่ดัชนีมายืนบริเวณ 1,200 จุดแบบสวย ๆ..ไม่ง่ายเลยนะจะบอกให้

วันนี้จึงเหลือแค่เรื่องจริงจะออกมา “ดีกว่า” หรือ “แย่กว่า” ที่ประเมินไว้ ซึ่งเป็นการเปิดช่องให้นักลงทุนเข้ามาเล่นเก็งกำไรกันอีกพักหนึ่ง และเรื่องนี้เห็นได้จากอาการแกว่งตัวของดัชนีเมื่อวันศุกร์ ก่อนจะลงเอยที่ระดับ 1,206.58 จุด บวกไป 8.47 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.38 หมื่นล้านบาท  มันเป็นภาพที่ย้ำเตือนอีฉันไม่ให้หลงระเริงมากเกินไป เพราะสิ่งที่หลายคนรับรู้คือ สิ่งที่รออยู่ในภายภาคหน้าไม่ได้สวยหรูไปหมดทุกอย่างนะจ๊ะ

เหมือนกับเรื่องราวของรถไฟฟ้า 20 บาทที่หลายคนเชื่อว่าจะเป็นผลดีกับ BTS แต่ทำไปทำมาดันกลายเป็นวันพันหลักไปเสียชิบ แถม กทม. ยังออกย้ำหัวหมุดเรื่องงบที่ใช้ต้องไม่ต่ำหมื่นล้าน ขณะที่คมนาคมมีเงินอุดหนุนให้แค่ 3 พันล้าน “โมนิก้า” เลยไม่แน่ใจว่า วันที่ 1 ต.ค. จะได้ใช้จริงไหม? และกลายเป็นประเด็นร้อนที่กดดันราคาหุ้นมาถึงทุกวันนี้ และทำให้ราคาหุ้นยืนซึมอยู่ที่บริเวณ 3.50 บาทร่วมเดือนแล้วนะลูกเพ่!

ประเด็นข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” นึกถึงหุ้นพานทองแท้ PTT ขึ้นมาทันที เพราะเป็นหุ้นอีกหนึ่งตัวที่ยืนซึมบริเวณฐานแนวรับ 30 บาท นานมาก และนานทีปีหนจะเห็นราคาหุ้นถีบตัวขึ้นไปทดสอบแนวต้าน 32 บาท แต่สุดท้ายก็ไปไม่รอดสันดอน และต้องกลับมาตายที่เดิม อีฉันถึงอยากให้นักเล่นประเมินการยืนปิดที่ระดับ 32 บาท บวกไป 0.50 บาท หรือขึ้นไป 1.59% ด้วยมูลค่าการวื้อขาย 4.20 ล้านบาท มีสิทธิ์ซ้ำรอยไหม?

ส่วนรายที่พุ่งแรงเหนือความคาดหมายอย่าง BANPU กลายเป็นช็อตที่ทำให้ “โมนิก้า” อึ้งพอสมควร เพราะไม่คิดว่า ราคาหุ้นจะดีดตัวแรงขึ้นมาปิดที่ระดับ 4.70 บาท บวกไป 0.24 บาท หรือขึ้นไป 5.38% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 477 ล้านบาท แต่เมื่อเงี่ยหูฟังพรายกระซิบที่ยืนยันหนักแน่นว่า ผลงานครึ่งปีหลังจะดีกว่าครึ่งปีแรก เพราะได้อานิสงส์จากราคาก๊าซที่อเมริกาเพิ่มขึ้น และอินโดฯ ประกาศลดดอกเบี้ยลงอีก 0.25% เลยทำให้ภาพของหุ้นตัวนี้ดูดีในทันที!

เช่นเดียวกับการฟื้นตัวต่อเนื่องของหุ้น GLOBAL จนขึ้นมายืนปิดที่ระดับ 6.35 บาท บวกไป 0.35 บาท หรือขึ้นไป 5.83% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 293 ล้านบาท (จากเดิมอยู่นิ่ง ๆ 5 บาทมาหลายวัน) น่าจะเป็นช็อตที่มาด้วยเรื่องผลงานครึ่งปีหลังจะดีขึ้นเรื่อย ๆ แต่ความจริงจะเป็นเหมือนกับที่คิดหรือไม่? อีฉันไม่ทราบจริง ๆ เพราะเมื่อดูบรรยากาศเศรษฐกิจในประเทศ มันไม่มีอะไรดีขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมนะซี

ตบท้ายกันที่ข่าวฉาวสะเทือนวงการอย่างเรื่อง “Rolling Loud 2024” ทำอีท่าไหนไม่รู้ถึงเบี้ยวค่าจ้างงาน ซึ่งอีฉันจำได้เลา ๆ ว่า โครงการนี้มีผู้บริหาร 2 คนคือ “ศิรวัฒน์ เทพเจริญ” ซึ่งนั่งในตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ “วาสนา อินทะแสง” หรือ “ไฮโซเมย์” ซึ่งนั่งเป็นกรรมการบริหาร โดยทั้งคู่นั่งเป็นผู้บริหาร “บ.มอร์ มันนี่ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์” (บริษัทลูกของหุ้นมอร์) แถมตัวไฮโซก็ชอบออกหน้าบ่อยครั้ง..บรรดานักลงทุนเลยอยากรู้ความจริงว่า ทำไมถึงพันกันอีรุงตุงนังอย่างนี้!

โมนิก้าและทีมงาน