
กระสันเหลือเกิน!
บอกตามตรงว่า “โมนิก้า” ไม่ได้มีปัญหากับการทะยานขึ้นของตลาดหุ้นไทย เพราะเป็นเรื่องที่ “ถูกต้อง” และ “เหมาะสม” ทุกประการ
บอกตามตรงว่า “โมนิก้า” ไม่ได้มีปัญหากับการทะยานขึ้นของตลาดหุ้นไทย เพราะเป็นเรื่องที่ “ถูกต้อง” และ “เหมาะสม” ทุกประการ แถมยังทำให้รู้ว่า นักลงทุนสถาบันยังมีมุมมองที่เป็นบวกกับตลาดหุ้นไทย จึงเห็นด้วยกับการยืนปิดของดัชนีที่ระดับ 1,265.15 จุด บวกไป 0.68 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.04 หมื่นล้านบาท เพราะเป้าหมายที่หลายคนมองไว้อยู่ที่บริเวณ 1,300 จุดไม่ใช่เหรอ (ถ้าผิดไปจากนี้แสดงว่า กองทุน กับ ต่างชาติ เปลี่ยนใจ) นะคะ
ส่วนเรื่องที่อีฉันรับไม่ได้จริง ๆ คือ ท่าทีของ “ทรัมป์” ซึ่งผู้คนทั่วโลกมองไปในทางเดียวกันว่า บ้าอำนาจ! หลังพยายามบีบคั้นประเทศต่าง ๆ ให้ยอมทำตามสิ่งที่ตัวเองต้องการ ซึ่งเห็นได้จากการประกาศขึ้นภาษีเกี่ยวกับการนำเข้าชิป 100% และเรื่องดังกล่าวก็ทำให้ “บ.แอปเปิล” ประกาศทุ่มเงินลงทุนเพื่อขยายกิจการในอเมริกาอีกแสนล้านเหรียญ หลังจากประชุมกับคนบ้าอำนาจที่ห้องทำงานรูปไข่พะยะค่ะ
ไม่เพียงเท่านั้น!..คนบ้าอำนาจยังประกาศขึ้นภาษีนำเข้าจากประเทศอินเดียเพิ่มอีก 25% จนทำให้ภาษีดังกล่าวขึ้นมาที่ 50% พร้อมกับย้ำให้ทั่วโลกรู้ว่า นี่เป็นผลพวงจากประเทศอินเดียยังมีการสั่งซื้อน้ำมันจากประเทศรัสเซีย ซึ่งเป็นการฝ่าฝืนคำเตือนของอเมริกาที่พูดมาตลอดให้หยุดสนับสนุนประเทศมหาอำนาจที่เป็นคู่แข่งแบบนี้..ใคร ๆ เขาก็มองออกกันทั้งนั้นว่า มีวาระซ่อนเร้นนะจ๊ะ
ในที่สุดก็มีคนออกมาแฉทรัมป์เป็นคนบ้าอำนาจที่กระสันอยากได้รางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ จึงใช้สงครามการค้าเพื่อบีบให้ “รัสเซีย” หยุดรบ “ยูเครน” แต่ดูเหมือนคำเตือนดังกล่าวจะไม่เป็นผลกับประเทศมหาอำนาจคู่แข่ง และยังทำให้กลุ่มเศรษฐกิจใหม่อย่าง BRICS เหนียวแน่นขึ้นกว่าเดิม เพราะประเทศเหล่านั้นไม่ต้องการอยู่ใต้อำนาจอเมริกา หลังโชว์ความกร่างมากเกินไปนะจะบอกให้
ประเด็นดังกล่าวทำให้หลายคนตั้งคำถามเกี่ยวกับท่าทีของรัฐบาลไทยที่เอาเรื่อง “สงครามการค้า” ไปผูกคอกับเรื่องหยุดยิงของ “กองทัพไทย” หรือเปล่า? เพราะเมื่อดูท่าทีของคนที่ออกมาเชลียร์ทรัมป์ก่อนหน้านี้ มันทำให้สังคมไม่สามารถมองเป็นเรื่องอื่นได้จริง ๆ “โมนิก้า” ถึงรู้สึกสะอิดสะเอียนกับพฤติกรรมของตาแก่หลงตัวเองเหลือเกิน เพราะสิ่งที่ทำแต่ละอย่างเหมือนเป็นการกดขี่คนทั่วโลกมากกว่าช่วยให้โลกดีขึ้นเจ้าค่ะ
ไหน ๆ ก็เม้าท์ถึงเรื่องสด ๆ ร้อน ๆ กันทั้งที “โมนิก้า” ขอเม้าท์ถึงเรื่องฟรอนท์รันที่เกิดขึ้นกับ บลจ.บัวหลวง สักหน่อยดีกว่า เพราะดันมีชื่อ “หมอวิสุทธิ์ บุญเกษมสันติ” ซึ่งเป็นฆาตกรคดีฆ่าหั่นศพภรรยาเมื่อปี 44 และถูกจำคุกกว่า 10 ปี ก่อนจะได้รับการลดโทษ และพักโทษในปี 57 จนในปี 58 ไปบวชที่วัดปทุมวนาราม พร้อมกับถือปฏิบัติธรรมอย่างเคร่งครัดแบบนี้.. ถือเป็นเรื่องที่ดีมาก ๆ นะคุณพี่
น่าเสียดายที่โลกของความเป็นจริงไม่ได้เป็นแบบนั้น!..เนื่องจากหมอวิสุทธิ์กลับมาเป็นข่าวฉาวอีกครั้ง เพราะในวันที่ 6 ส.ค. สำนักงาน ก.ล.ต. ได้ทำการกล่าวโทษพร้อมพวกอีก 2 ราย ในข้อหานำข้อมูลภายในของกองทุนรวมไปใช้ดักซื้อขายหุ้น เพื่อทำกำไรเข้ากระเป๋าตัวเอง รวมทั้งมีความผิดที่เข้าข่ายฟอกเงินแบบนี้ มันกลายเป็นเรื่องใหญ่ที่สังคมพากันก่นด่าอย่างหนักนะตัวเอง
ส่วนเรื่องดี ๆ ที่อีฉันอยากเม้าท์ถึงก็คือ การเตรียมตัวเข้าเทรดของหุ้นโรงพยบาลน้องใหม่ HANN ในวันพฤหัสฯ ที่ 14 ส.ค. ถือเป็นจุดที่น่าสนใจสุด ๆ ในมุมของ IPO ที่ขายในราคา 0.70 บาท ก็อยู่บน PE 10 เท่า ขณะที่วันนี้หุ้นกลุ่มโรงพยาบาลเทรดอยู่บน PE 20 เท่า อีฉันเลยเชื่อว่า หุ้นตัวนี้มีอัพไซด์ให้นักลงทุนได้เล่นอย่างแน่นอน และเชื่อว่า ในอนาคตจะมีการเพิ่มจำนวนเตียงเพื่อรองรับผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นปีละ 4% อีกด้วยแบบนี้..ช้าแต่ว่ามั่นคงนะจะบอกให้
โมนิก้าและทีมงาน