
PTG ปั้นอาณาจักร Non-Oil ดันกำไร
นับตั้งแต่หุ้นปั๊ม PTG เปิดเกมรุกธุรกิจ Non-Oil มากขึ้น ก็เห็นพัฒนาการเชิงบวกต่อเนื่อง โดยเฉพาะกาแฟพันธุ์ไทย
คุณค่าบริษัท
นับตั้งแต่หุ้นปั๊ม บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG เปิดเกมรุกธุรกิจ Non-Oil มากขึ้น ก็เห็นพัฒนาการเชิงบวกต่อเนื่อง โดยเฉพาะกาแฟพันธุ์ไทยที่เป็นตัวขับเคลื่อนหลัก ซึ่งตั้งเป้าจะเพิ่มสาขาเป็น 1,947 สาขาภายในสิ้นปี 2568 คิดเป็นอัตราการเปิดสาขาเฉลี่ยประมาณ 1.5 สาขาต่อวัน
ที่น่าสนใจ ในไตรมาส 1/2568 รายได้จากธุรกิจ Non-Oil อยู่ที่ 5,340 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.2% แต่ลดลง 2.3% หากไม่รวมรายได้ที่เกี่ยวข้องกับการบันทึกบัญชีตามมาตรฐานบัญชี ฉบับที่ 12 (TFRIC 12) ของธุรกิจโรงไฟฟ้าขยะ โดยรับรู้รายได้คู่ต้นทุน จำนวน 140 ล้านบาท จะมีรายได้จากธุรกิจ Non-Oil อยู่ที่ 5,200 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 5.9% จากไตรมาสก่อน
สะท้อนถึงการเติบโตของรายได้จากธุรกิจ Non-Oil ที่ได้รับแรงหนุนหลักจากธุรกิจกาแฟพันธุ์ไทย โดยมีรายได้รวมอยู่ที่ 959 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 32.2% จากไตรมาสก่อน
ส่วนของธุรกิจ Oil มีรายได้อยู่ที่ 52,067 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.2% จากช่วงเดียวกันปีก่อน แต่ลดลง 2.2% จากไตรมาสก่อน เป็นผลมาจากปริมาณการจำหน่ายน้ำมันผ่านทุกช่องทางที่ลดลงเป็น 1,667 ล้านลิตร โดยได้รับผลกระทบจากอุปสงค์น้ำมันที่ชะลอตัว เนื่องจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจในบางอุตสาหกรรมยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่
แม้รายได้จากธุรกิจ Non-Oil ยังมีสัดส่วนที่น้อยเมื่อเทียบกับรายได้จากธุรกิจ Oil แต่ธุรกิจ Non-Oil จะมีมาร์จิ้นที่สูงกว่า ทำให้ในปี 2568 PTG ตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ธุรกิจ Non-Oil ไว้ที่ 40-50% จากปีก่อน ส่วนธุรกิจ Oil ตั้งเป้าเติบโตที่ 5-10% จากปีก่อน
สอดคล้องกับมุมมองของนักวิเคราะห์ โดย บล.ดาโอ ระบุว่า ประเด็นสำคัญของ PTG 1) บริษัทยังคงเป้า Oil sales volume ปี 2568 เติบโตในกรอบ 5-10% 2) ประเมินค่าการตลาดมีเสถียรภาพมากขึ้น จากสถานะกองทุนน้ำมันและทิศทางราคาน้ำมัน 3) คงเป้าการขยายสาขาในปี 2568 ธุรกิจ Oil อยู่ที่ 2,279 สาขา จากในไตรมาส 1/2568 ที่ 2,237 สาขา และ Non-oil ที่ 2,978 สาขา จากในไตรมาส 1/2568 ที่ 2,425 สาขา 4) ATLAS (LPG) ยื่น filing แล้ว คาดว่า IPO ในช่วงครึ่งปีหลัง
เบื้องต้นยังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2568 ที่ 1.2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 19% จากสมมติฐาน Oil sales volume ปี 2568 เติบโต 5% และค่าการตลาดเฉลี่ยที่ 1.65 บาท/ลิตร เทียบกับปี 2567 ที่ 1.65 บาท/ลิตร แนวโน้มช่วงที่เหลือของปีคาดผ่อนคลายขึ้นจากสถานการณ์กองทุนน้ำมันที่ดีขึ้นและแนวโน้มทิศทางราคาน้ำมัน
ด้าน บล.เคจีไอ เชื่อว่าราคาหุ้นจะได้แรงหนุนจากผลประกอบการในไตรมาส 2/2568 ที่คาดว่าจะดีขึ้นจากไตรมาสก่อน เนื่องจากค่าการตลาดน้ำมันคาดมีแนวโน้มสูงขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม ยังคงระมัดระวังกับแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในครึ่งปีหลัง และความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากความตึงเครียดทางการค้าที่เพิ่มขึ้นเพราะสหรัฐฯ ซึ่งอาจจะฉุดการบริโภคน้ำมันในประเทศ และ sentiment ของนักลงทุน
สำหรับการประเมินมูลค่า (Valuation) ปัจจุบันราคาหุ้น PTG ซื้อขายกันที่ P/E ระดับ 11.99 เท่า เทียบกับ P/E ตลาดโดยรวมที่ระดับ 18.18 เท่า ถือว่าราคาซื้อขายต่ำกว่าตลาด อย่างไรก็ตาม ถ้าดู P/BV ที่ระดับ 1.24 เท่า ก็ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยตลาดที่ปัจจุบันซื้อขาย P/BV เฉลี่ยที่ 1.21 เท่า โดยมีราคาเป้าหมายเฉลี่ยที่ 8.34 บาท จากราคาต่ำสุด 6.70 บาท และราคาสูงสุด 11.00 บาท