US Shutdown อีกครั้ง.!

นับตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 68 เวลา 11.00 น. (ตามเวลาประเทศไทย) ประเทศสหรัฐฯ เริ่มเข้าสู่ภาวะ Government Shutdown หลังผลการลงมติ “ไม่ผ่าน” การขยายเวลาใช้งบประมาณในวุฒิสภาสหรัฐฯ ทำให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศว่า จะปลดพนักงานของรัฐบาลกลางครั้งใหญ่..!!


นับตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 68 เวลา 11.00 น. (ตามเวลาประเทศไทย) ประเทศสหรัฐฯ เริ่มเข้าสู่ภาวะ Government Shutdown หลังผลการลงมติ “ไม่ผ่าน” การขยายเวลาใช้งบประมาณในวุฒิสภาสหรัฐฯ ทำให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศว่า จะปลดพนักงานของรัฐบาลกลางครั้งใหญ่..!!

ปรากฏการณ์ Government Shutdown หรือการปิดทำการของรัฐบาล คือ ภาวะที่รัฐบาลกลางของสหรัฐฯ ต้องหยุดการดำเนินงานและบริการที่ไม่จำเป็นลงชั่วคราว สาเหตุเกิดจากสภาคองเกรส (ฝ่ายนิติบัญญัติ) ไม่สามารถผ่านร่างกฎหมายงบประมาณเพื่อจัดสรรเงินทุนให้กับหน่วยงานของรัฐให้ทันกำหนดเส้นตายสิ้นปีงบประมาณ (สิ้นสุด 30 ก.ย.ของทุกปี) เป็นผลมาจากความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างพรรคต่าง ๆ ในการจัดทำงบประมาณประจำปี หากไม่สามารถตกลงกันได้รัฐบาลจะไม่มีอำนาจตามกฎหมายที่จะใช้จ่ายเงินต่อได้

เมื่อเกิดการ Shutdown สิ่งที่ตามมาทันทีคือเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลาง ที่ถือว่าเป็น “บุคลากรที่ไม่จำเป็น” จะถูกพักงานและไม่ได้รับค่าจ้าง ขณะที่บุคลากรที่จำเป็นต่อความมั่นคงและสาธารณสุข เช่น ทหาร ตำรวจ หรือเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยการบินจะต้องทำงาน แต่จะไม่ได้รับค่าจ้างทันที บริการสาธารณะที่ไม่จำเป็นจะหยุดลง เช่น อุทยานแห่งชาติและพิพิธภัณฑ์ และบริการสำคัญอื่น ๆ เช่น การทำหนังสือเดินทาง หรือการออกใบอนุญาต ก็จะเกิดความล่าช้าอย่างมาก

ในแง่เศรษฐกิจการเกิด Shutdown ก่อให้เกิดความไม่แน่นอนในตลาดการเงิน เนื่องจากรัฐบาลจะระงับการเปิดเผยตัวเลขและข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ เช่น รายงานการจ้างงาน หรือตัวเลข GDP ทำให้นักลงทุนไม่สามารถประเมินสภาวะเศรษฐกิจได้อย่างแม่นยำ การ Shutdown หากกินเวลานานเท่าไหร่ ยิ่งสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจวงกว้างมากขึ้น เนื่องจากกิจกรรมของรัฐบาลและธุรกรรมต่าง ๆ ที่ต้องอาศัยการอนุมัติของรัฐบาลจะหยุดชะงักลงตามไปด้วย

“สหรัฐฯ” มีประวัติการเกิด Government Shutdown หลายครั้ง โดยเฉพาะช่วงหลังปี 1976 ถือเป็นช่วงที่มีการเปลี่ยนกฎเกณฑ์เรื่องงบประมาณ (จาก Budget and Impoundment Control Act of 1974) กำหนดให้หน่วยงานรัฐบาลกลาง ไม่สามารถใช้จ่ายเงินได้ หากไม่มีการผ่านงบประมาณจากสภาคองเกรสและประธานาธิบดีลงนามรับรอง

ช่วงก่อนปี 1980 หากว่าสภาคองเกรสยังไม่ผ่านงบประมาณได้ หน่วยงานรัฐบาลยังทำงานต่อไป โดยอาศัยการตีความกฎหมายแบบ Soft Shutdown ไม่ได้หยุดบริการทันที

แต่นับตั้งแต่ปี 1980 เป็นต้นมา หลังจาก Attorney General Benjamin Civiletti ออกความเห็นทางกฎหมายว่า หากไม่มีงบประมาณ หน่วยงานรัฐบาลกลางจะไม่สามารถดำเนินงานใด ๆ ได้ (ยกเว้น งานจำเป็น เช่น ความมั่นคง, ความปลอดภัย, สาธารณสุขฉุกเฉิน) ทำให้เกิดสิ่งที่เราเรียกกันว่า Government Shutdown อย่างเป็นทางการ

ช่วงระหว่างปี 1980-1990 เกิด Shutdown หลายครั้ง ส่วนใหญ่กินเวลาเพียงไม่กี่วัน เกิดจากความขัดแย้งเรื่องการใช้จ่ายงบประมาณระหว่างสภาคองเกรสกับประธานาธิบดี อย่างเช่น ช่วงประธานาธิบดีโรนัลด์ เรแกน และประธานาธิบดีบิล คลินตัน)

ส่วน Shutdown ครั้งใหญ่และยาวนานสุด เกิดขึ้นช่วงปี 1995-1996 (ประธานาธิบดีบิล คลินตัน ขัดแย้งกับ

สภาคองเกรส ที่นำโดยนิวต์ กิงริช ประธานสภาผู้แทนราษฎร) ใช้เวลารวม 27 วัน

ปี 2013 (ประธานาธิบดีโอบามา ขัดแย้งกับพรรครีพับลิกัน เรื่องงบประมาณและโอบามา แคร์) ใช้เวลารวม 16 วัน

ปี 2018-2019 (ประธานาธิบดีทรัมป์ ขัดแย้งกับสภาคองเกรสเรื่องงบสร้างกำแพงกั้นเม็กซิโก) ใช้เวลารวม 35 วัน ถือเป็น Shutdown ที่ยาวนานสุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ

บทสรุปคือสหรัฐฯ เคยมี Government Shutdown หลายครั้งในประวัติศาสตร์โดยเริ่มนับอย่างเป็นทางการตั้งแต่ปี 1980 เป็นต้นมา และเป็นหนึ่งในกลไกที่สะท้อนให้เห็นถึงความขัดแย้งทางการเมืองเรื่องงบประมาณโดยตรง

Back to top button