
KBANK เกมรุก ‘จับก่อนจ่าย’
ระหว่างที่ฮือฮากับการที่ GULF หวนซื้อหุ้นแบงก์สีเขียว KBANK เพิ่มอีก 0.2278% จนดันสัดส่วนการถือแตะที่ 5.0288% จากเดิมถืออยู่ที่ 4.8009% ...
ระหว่างที่ฮือฮากับการที่บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF หวนซื้อหุ้นแบงก์สีเขียว ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK เพิ่มอีก 0.2278% จนดันสัดส่วนการถือแตะที่ 5.0288% จากเดิมถืออยู่ที่ 4.8009% …ส่วนจะถือเพื่อเก็งกำไร ถือยาวเพื่อการลงทุน หรือถือเพื่อบริหารพอร์ตการลงทุน…อันนี้ก็ไม่รู้สินะ
แต่มีอีกเรื่องหนึ่งที่ถูกเคสของ GULF กลบรัศมีอยู่ คือ เรื่องที่ KBANK กำลังจะก้าวขาไปสู่บริการใหม่ที่เรียกว่า Buy Now Pay Later (BNPL) หรือ “ซื้อก่อน จ่ายทีหลัง”…ซึ่งเป็นเทรนด์ใหม่ที่มาแรงแซงทางโค้งในช่วงไม่กี่ปีมานี้ เพราะเป็นบริการที่สมัครง่าย ได้วงเงินไว ซื้อสินค้าและบริการได้ทันที โดยค่อยผ่อนจ่ายภายหลัง
ที่น่าสนใจ การเข้าสู่บริการ BNPL ของ KBANK ไม่ได้เริ่มจากศูนย์นะ เพราะจะเสียเวลาโดยใช่เหตุ เดี๋ยวจะไม่ทันกิน เลยใช้วิธีส่งบริษัทลูกที่ชื่อบริษัท กสิกร อินเวสเจอร์ จำกัด เข้าซื้อหุ้นบริษัท อาโตมี่ (ประเทศไทย) จำกัด (Atome) สัดส่วน 50% บวก 1 หุ้น ที่เปิดตัวบริการมากว่า 5 ปี แล้ว หรือตั้งแต่เดือน ธ.ค. 2562
มิหนำซ้ำยังเคลมด้วยว่า เป็นบริษัท “ซื้อก่อน จ่ายทีหลัง” ชั้นนำของภูมิภาคเอเชีย โดยจับมือกับร้านค้าปลีกทั้งออนไลน์และออฟไลน์กว่า 2,000 แห่ง ไม่ว่าจะเป็นร้านขายสินค้าแฟชั่น ความงาม ไลฟ์สไตล์ ฟิตเนส หรือสินค้าสำหรับใช้ในบ้าน โดยให้บริการในสิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฮ่องกง และจีน
ถ้าไปดูแบ็กของ Atome ก็ไม่ธรรมดานะ เพราะเป็นส่วนหนึ่งของ Advance Intelligence Group บริษัทซีรีส์ D ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี AI ที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่สิงคโปร์ และสำนักงานทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงประเทศจีน
โอเค…ถือว่าโปรไฟล์ดีใช้ได้
ขณะที่ก่อนหน้านี้ KBANK เป็นอีกหนึ่งแบงก์ที่ถูกตั้งคำถามเยอะว่าจะไปยังไงต่อ..?? หลังจากยืนยันนั่งยันจะไม่ทำธนาคารไร้สาขา หรือ Virtual bank…การเข้าสู่บริการ BNPL ครั้งนี้ จึงน่าจะช่วยตอบคำถามได้นะ…
ส่วนคำถามที่ว่าทำไมต้องเป็นบริการ BNPL นั้น..??
ต้องไปดูข้อมูลของ Juniper Research ที่ระบุว่า ในปี 2565 จำนวนผู้ใช้ BNPL ทั่วโลกมีจำนวนกว่า 360 ล้านคน และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 900 ล้านคน ในปี 2570 ขณะที่ในสหรัฐอเมริกา ในปี 2564 BNPL สามารถสร้างมูลค่าตลาดได้ถึง 1.2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นเกือบ 4 เท่า เมื่อเทียบกับปี 2562
ส่วน BNPL ในประเทศไทย จากรายงาน Thailand Buy Now Pay Later Market Report 2022 คาดว่ามูลค่าตลาด BNPL ในปี 2565 อยู่ที่ประมาณ 5.5-6.5 หมื่นล้านบาท ขณะที่ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยประเมินว่า ตลาด BNPL จะเพิ่มขึ้น 17 เท่า ภายในปี 2571
ด้วยความสะดวกในการขออนุมัติใช้บริการ ซึ่งบางแพลตฟอร์มมีการอนุมัติวงเงินได้ไวกว่าการขอสมัครบัตรเครดิต ไม่ต้องใช้สลิปเงินเดือนหรือเอกสารทางรายได้ เพียงกรอกข้อมูลส่วนตัวเพื่อประเมินความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้ก็สามารถใช้บริการซื้อก่อนจ่ายทีหลังได้ทันที…BNPL จึงเป็นเทรนด์ที่มีแนวโน้มการเติบโตสูง เนื่องจากตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนยุคนี้ โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่
บริการนี้ได้รับความนิยมแค่ไหน..?? พิสูจน์ทราบได้จากผลประกอบการของ Atome ซึ่งแม้ 3 ปีแรกยังขาดทุนอยู่ ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ช่วงเริ่มต้นของธุรกิจสตาร์ตอัพมักจะขาดทุน แต่ล่าสุดงบปี 2567 พลิกมามีกำไรแล้ว โดยมีรายได้รวมอยู่ที่ 191.95 ล้านบาท และกำไรอยู่ที่ 158.28 ล้านบาท…ถ้าสังเกตจะเห็นว่าอัตรากำไรสุทธิสูงเวอร์ ปาไป 82% สูงกว่า KBANK อีกนะ…
ถึงตรงนี้คงได้คำตอบกันแล้วใช่มั้ยว่า บริการ BNPL มันน่าสนใจยังไง..??
ขณะที่ข้อดีของบริการนี้เมื่อผิดนัดชำระดอกเบี้ยจะไม่โหดเท่าบัตรเครดิต ก็จะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้กับผู้บริโภค ซึ่งส่วนใหญ่น่าจะเป็นกลุ่มกลาง – ล่าง
แต่อย่าลืมว่าเหรียญย่อมมีสองด้านเสมอ เมื่อบริการ BNPL ทำให้เข้าถึงวงเงินได้ง่ายและไว แต่หากใช้จ่ายจนเพลิน ก็อาจติดกับดักหนี้ก้อนโตในอนาคตได้ ดังนั้น การมีวินัยการเงิน ถือเป็นคาถาเตือนสติการใช้บริการ BNPL..!!
โดยสิ่งที่ Atome จะได้จากการให้บริการ BNPL ก็คือรายได้ดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียม…
ส่วนในมุมของ KBANK อันดับแรกเป็นการกระจายความเสี่ยงฐานรายได้และพอร์ตการลงทุน ถัดมาเป็นการขยับฐานลูกค้าไปสู่กลุ่มกลาง-ล่างมากขึ้น แม้จะมีฐานลูกค้ารายย่อยเป็นกลุ่ม SME และมีฐานลูกค้าบัตรเครดิตอยู่แล้ว แต่การก้าวขาไปสู่บริการ BNPL จะทำให้ KBANK ได้ฐานข้อมูลลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ รวมทั้งยังช่วยต่อยอดธุรกิจ เพราะพอถึงจุดหนึ่ง หากลูกค้ามีประวัติการชำระที่ดี สิ่งที่ตามมา คือการเสนอบริการอื่น ๆ ตามมาในอนาคต
โดยสรุปดีลเข้าลงทุนบริการ BNPL อาจใช้เงินไม่เยอะ เมื่อเทียบกับพอร์ตของ KBANK แต่ตัวธุรกิจน่าสนใจนะจิบอกให้…
…อิ อิ อิ…