
กลต. พลิกเกมล่า!
ข่าวใหญ่ที่เรียกเสียงฮือฮาให้ผู้คนในแวดวงตลาดหุ้นก็คือ การที่ ก.ล.ต. กลับมาสวมบทโหดด้วยการไล่เชือดกลุ่มคนที่เกี่ยวข้องกับ “เบน สมิธ”
ข่าวใหญ่ที่เรียกเสียงฮือฮาให้ผู้คนในแวดวงตลาดหุ้นก็คือ การที่ ก.ล.ต. กลับมาสวมบทโหดด้วยการไล่เชือดกลุ่มคนที่เกี่ยวข้องกับ “เบน สมิธ” ทั้งทางตรงและทางอ้อม ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณการเปิดปฏิบัติการพลิกเกมล่าทุนเทาแบบจัดเต็ม หลังถูกสังคมตำหนิต่อเนื่องว่าทำงานเชื่องช้า แต่ภาพล่าสุดที่ออกมาทำให้สังคมเริ่มมีหวังกับการทำงานเชิงรุกมากชึ้นไงล่ะคะ
โดยเฉพาะการลงแส้ผู้สอบบัญชีด้วยการแบน 1 ปีต่อนางสาว “ลักษมี ดีตระกูลวัฒนผล” ซึ่งเป็นผู้บริหารสังกัด “บ.แกรนท์ ธอนตัน” ตั้งแต่วันที่ 10 ธ.ค. 68 หลังปฏิบัติงานไม่ได้มาตรฐานการสอบบัญชี โดยตอนนั้นเป็นผู้สอบบัญชีของ “บมจ.กรีนเทค เวนเจอร์ส” หรือ GTV ซึ่งทำให้งบปี 67 ผิดแผกไปจากความเป็นจริง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการตั้งด้อยค่า การบันทึกส่วนแบ่งเงินลงทุน การทุจริต หรือแม้กระทั่งบัญชีหนี้สินนะนายจ๋า
นอกจากนี้ยังย้อนกลับไปเช็คบิลการตรวจสอบงบปี 65 ที่เกี่ยวกับรายจ่ายของ “บ.บิทคับ ออนไลน์” มีความหละหลวมอีกหนึ่งกระทง หรือให้พูดเป็นภาษาชาวบ้านก็คือ รอบนี้ ก.ล.ต. ทำงานเร็วกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา ซึ่งทำให้อีฉันเดาเอาเองว่า เมื่อมีเป้าตรวจสอบที่ชัดเจนขึ้น จึงเปิดปฏิบัติการริดกิ่งใบเพื่อให้เข้าใกล้ตัวการมากสุดเท่าที่จะทำได้ เพราะสังคมให้ความสนใจเรื่องทุนเทามากเป็นพิเศษนะซี
ที่สำคัญคือ GTV คือ 1 ใน 7 หุ้นที่ ปปง. มีการพุ่งเป้าตรวจสอบเส้นทางเงิน และการถือครองหุ้น เพราะมีนางสาว “แคทรียา” ซึ่งเป็นภรรยาของนาย “เบน สมิธ” ถือหุ้นอยู่ 535.93 ล้านหุ้น หรือ 4.08% “โมนิก้า” ถึงอยากให้แฟนคลับดูเหตุการณ์ของ “บิทคับ” เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 65 แต่เพิ่งมาเชือดปีนี้ ขณะที่อีกรายเกิดขึ้นเมื่อปลายปี 67 แต่มาเชือดปีนี้..คิดว่า เร็วไหมจ๊ะ
ด้วยเหตุนี้ถึงทำให้หลายคนพากันเชื่อว่า ในไม่ช้าจะมีผลสอบเชิงลึกหุ้น BCP BCPG VGI MFC FSX และ SIRI ออกมาได้รู้กันเสียทีว่า ไผเป็นไผ! และอย่าลืมว่า สัปดาห์ก่อน ก.ล.ต. เพิ่งลั่นกลองตรวจสอบการรายงานถือครองหุ้น (แบบ 246-2) เพื่อหาเจ้าของหุ้นที่แท้จริง..ไม่ใช่นอมินี โดยจะทำการประสานกับหน่วยงานกำกับดูแลในต่างประเทศ พร้อมกันนั้นก็เพิ่งรื้อเรื่องฟันผู้บริหาร GL แบบนี้..คุณ ๆ ท่าน ๆ คิดว่า เป็นเรื่องบังเอิญไหมล่ะคะ
งานนี้ใครจะว่าอย่างไร? หรือใครจะคิดอะไร? ก็ลองไปประเมินกันเอาเอง แต่สำหรับอีฉันมองว่า ไทม์ไลน์ของเรื่องที่เกิดขึ้นมันเข้มข้นขึ้นทุกขณะ แถมหน่วยงานดังกล่าวก็โดน “พรรคสัม” กับ “พรรคฟ้า” ไล่บี้ข้อมูลตรวจสอบเป็นระยะ จึงต้องใส่เกียร์ลุยแบบสุดซอย! ผนวกกับตัวประธานก็ติดร่างแหเรื่องสแกมเมอร์ไปกับเขาด้วย จึงต้องเร่งเคลียร์ภาพลักษณ์องค์กรให้กลับมามีความน่าเชื่อถือในเร็ววันพะยะค่ะ
อ้อ!..อย่าลืมตามดูความคืบหน้าคดี MORE ปล้นโบรกฯ กันด้วย เพราะไป ๆ มา ๆ เรื่องราวชักเงียบลงไปอีกครั้ง หลังโบรกเกอร์ที่ได้รับเสียหายรู้สึกถึงอิทธิพลบางอย่างกำลังเข้ามาแทรกแซง แถมมีไอ้หนุ่มผมยาวชอบโชว์กร่างให้คนรู้ว่า มีแบ็กใหญ่! จึงทำให้สังคมโบรกเกอร์วิจารณ์ถึงพฤติกรรมดังกล่าวกันขรม อีฉันจึงต้องกลับมาเกาะติดประเด็นดังกล่าวอีกครั้ง เพื่อจะได้รู้เรื่องราวที่พูด ๆ กันนั้น..จริงเท็จขนาดไหน?..อิอิอิ
ปิดท้ายกันที่สภาพของตลาดหุ้นไทยคงไม่มีอะไรดีขึ้นไปกว่านี้ เพราะเจอทั้งวันหยุดคั่นกลาง สภาพเศรษฐกิจที่กระท่อนกระแท่น และสารพันปัญหาที่กระทบตลาดหุ้น “โมนิก้า” ถึงมองการยืนปิดที่ระดับ 1,253.54 จุด ลบไป 16.33 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.89 หมื่นล้านบาท มีความสุ่มเสี่ยงที่จะลงต่อค่อนข้างสูง เพราะหุ้นใหญ่อย่าง DELTA กลายเป็นตัวชี้ขาดหุ้นไทยจะไปทางในแต่ละวันไปแล้วนะตัวเอง
โมนิก้าและทีมงาน