ก.ล.ต.เชือด“ชัย-เชิดชู โสภณพนิช”พร้อมพวก อินไซด์ BLA ห้ามยุ่งตลาด3ปี

ก.ล.ต.เชือด “ชัย-เชิดชู โสภณพนิช” ข้อหาอินไซด์หุ้น BLA สั่งห้ามยุ่งตลาดทุน 3 ปี


สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยถึงกรณีการดำเนินคดีด้วยมาตรการลงโทษทางแพ่งกับอดีตผู้บริหารของบริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ BLA และผู้ถือหุ้นใหญ่ รวม 5 ราย ได้แก่ 1 นายฉัตรชัย โชตนาการ 2 นายเชิดชู โสภณพนิช 3 บริษัท วัฒนโสภณพนิช จำกัด 4 บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ BKI และ 5 นายชัย โสภณพนิช กรณีอาศัยข้อมูลภายในขายหุ้น BLA โดยเรียกให้ชำระค่าปรับทางแพ่งรวม 3,765,000 บาท และส่งคืนผลประโยชน์รวม 1,750,150 บาท

โดยก.ล.ต. ได้รับข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) จึงตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า ระหว่างไตรมาส 2 และ 3 ของปี 57 พบว่า BLA ได้รับผลกระทบจากการประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของทางการในเดือน มี.ค.57 ทำให้ BLA ต้องเพิ่มเงินสำรองเบี้ยประกันชีวิตให้เพียงพอตามเกณฑ์ที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) กำหนด

ซึ่งการตั้งสำรองเงินเพิ่มดังกล่าวส่งผลกระทบเชิงลบต่อฐานะการเงินของ BLA อย่างมีนัยสำคัญ คือทำให้กำไรสุทธิในไตรมาส 2/57 เหลือเพียงจำนวน 168.79 ล้านบาท โดยลดจากไตรมาสก่อนหน้าที่มีกำไรสุทธิ 1,096.04 ล้านบาท และทำให้บริษัทขาดทุนสุทธิในไตรมาส 3/57 จำนวน 880.59 ล้านบาท

ทั้งนี้ ก่อนที่ BLA จะเปิดเผยงบการเงินทั้งสองงวดต่อประชาชนทั่วไปผ่านระบบของ ตลท.ปรากฏหลักฐานว่า กรรมการ ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ระดับสูงของ BLA หลายราย ซึ่งล่วงรู้ข้อมูลภายในดังกล่าว ได้ขายหุ้น BLA ในบัญชีตนเองหรือสั่งให้ขายในบัญชีของนิติบุคคลที่ตนเองมีอำนาจจัดการ

โดยพบว่าก่อนการเปิดเผยงบการเงินไตรมาส 2/57 นายฉัตรชัย ที่ปรึกษาของกรรมการผู้จัดการใหญ่ BLA ได้ขายหุ้น BLA รวม 29,000 หุ้น นายเชิดชู ประธานกรรมการบริหารของ BLA ขายหุ้น BLA จากบัญชีตนเอง รวม 800,000 หุ้น และจากบัญชีบริษัท วัฒนโสภณพนิช จำกัด รวม 200,000 หุ้น

ในขณะที่ก่อนที่ BLA จะเปิดเผยงบการเงินไตรมาส 3/57 นายชัย กรรมการของ BLA ได้สั่งให้ขายหุ้น BLA จากบัญชีของ บมจ.กรุงเทพประกันภัย จำนวน 200,000 หุ้น

สำหรับการกระทำของบุคคลและนิติบุคคลทั้ง 5 ราย จึงเป็นความผิดตามมาตรา  241 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ซึ่งมีระวางโทษอาญาตามมาตรา 296 และมาตรา 296/2 และมาตรการลงโทษทางแพ่งตามมาตรา 317/1 มาตรา 317/4 และมาตรา 317/5 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2559

ดังนั้น คณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่ง (ค.ม.พ.) จึงนำมาตรการลงโทษทางแพ่งมาบังคับใช้กับผู้กระทำผิดทั้ง 5 ราย และผู้กระทำผิดทั้ง 5 ราย ได้ทำบันทึกยินยอมรับมาตรการลงโทษทางแพ่งและปฏิบัติตามบันทึกยินยอมดังกล่าวครบถ้วนแล้ว ดังนี้

1 นายฉัตรชัย ชำระค่าปรับทางแพ่ง จำนวน 500,000 บาท

2 นายเชิดชู ส่งคืนผลประโยชน์ จำนวน 350,900 บาท และชำระค่าปรับทางแพ่ง จำนวน 1,000,000 บาท

3 บริษัท วัฒนโสภณพนิช จำกัด ส่งคืนผลประโยชน์ จำนวน 299,250 บาท และชำระค่าปรับทางแพ่ง จำนวน 500,000 บาท

4 บมจ.กรุงเทพประกันภัย ส่งคืนผลประโยชน์ จำนวน 1,100,000 บาท และชำระค่าปรับทางแพ่ง จำนวน 1,265,000 บาท และ 5 นายชัย ชำระค่าปรับทางแพ่ง จำนวน 500,000 บาท

นอกจากการถูกลงโทษด้วยมาตรการลงโทษทางแพ่งดังกล่าว ก.ล.ต.สั่งห้ามมิให้นายฉัตรชัย นายเชิดชูและนายชัย เป็นกรรมการและผู้บริหารของบริษัทที่มีมหาชนเป็นผู้ถือหุ้นเป็นเวลา 1 ปี  รวมทั้งสั่งห้ามนายเชิดชูและนายชัยมิให้เป็นบุคลากรในธุรกิจตลาดทุนเป็นเวลา 3 ปีด้วย

 

อนึ่งก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ (16 มี.ค.59) ก.ล.ต. ได้เปิดเผยถึงกรณีคณะกรรมการเปรียบเทียบมีคำสั่งเปรียบเทียบ นายชัย โสภณพนิช กรณีเปิดเผยข้อมูลภายในเพื่อให้บุคคลอื่นซื้อหุ้น บมจ.กรุงเทพประกันภัย BKI เป็นจำนวนเงิน 500,000 บาท

โดยก.ล.ต.ได้รับแจ้งจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่านายชัย ขณะเกิดเหตุดำรงตำแหน่งประธานกรรมการ และประธานคณะผู้บริหารของ BKI เสนอให้มีการจ่ายหุ้นปันผลให้กับผู้ถือหุ้น BKI ในอัตราส่วน 5 หุ้นเดิม ต่อ 2 หุ้นปันผล เพิ่มเติมจากการจ่ายเงินปันผลตามปกติของ BKI จากผลการดำเนินงานประจำปี 2556 ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญและจะมีผลด้านบวกต่อราคาหุ้น BKI

ขณะที่ นายชัยเปิดเผยข้อมูลนี้ให้แก่บุคคลอื่นทราบ และบุคคลอื่นดังกล่าวได้ซื้อหุ้น BKI ในวันที่ 24-25 ก.พ.57 ก่อนที่ข้อมูลดังกล่าวจะถูกเปิดเผยต่อบุคคลทั่วไปในวันที่ 28 ก.พ.57 จึงเป็นการเอาเปรียบบุคคลภายนอก การกระทำของนายชัยจึงเป็นความผิดตามมาตรา 241 ต้องระวางโทษตามมาตรา 296 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535

โดย นายชัยได้รับการลงโทษทางอาญาโดยการถูกปรับ แต่เนื่องจากมูลค่าผลประโยชน์ที่นายชัยได้รับเมื่อนำมาพิจารณากำหนดเป็นค่าปรับแล้วมีมูลค่าไม่สูง และยังต่ำกว่ามูลค่าเปรียบเทียบปรับขั้นต่ำ ดังนั้น คณะกรรมการเปรียบเทียบจึงมีคำสั่งเปรียบเทียบปรับในจำนวนขั้นต่ำเป็นเงิน 500,000 บาท

นอกจากนี้ นายชัยยังเป็นกรรมการของ บมจ.กรุงเทพประกันชีวิต (BLA) ซึ่งได้รับใบอนุญาตนายหน้าค้า หรือจัดจำหน่ายหลักทรัพย์ที่เป็นหน่วยลงทุน (LBDU) ซึ่งเป็นบุคลากรในธุรกิจตลาดทุน การกระทำข้างต้นถือเป็นลักษณะต้องห้ามของบุคลากรในธุรกิจตลาดทุน* นายชัยจึงไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่เป็นกรรมการ ของ BLA ได้เป็นเวลา 3 ปี นับแต่วันที่ 17 มีนาคม 2559 และไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่เป็นบุคลากรในตลาดทุน ทั้งผู้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์และผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อื่นได้ในช่วงเวลาเดียวกัน

Back to top button