เก็บ! 20 หุ้น Big Cap เป้าทำ Window Dressing เน้นอัพไซด์สูง-Top Pick กลุ่มอุตฯ

เก็บ! 20 หุ้น Big Cap เป้าทำ Window Dressing เน้นอัพไซด์สูง-Top Pick กลุ่มอุตฯ นำโดย PTT, PTTEP,PTTGC,TOP,IVL,AOT,CPALL,CPF,BJC,HMPRO,MINT,ADVANC,SCC,KBANK,SCB,BBL,KTB,BDMS, CPN,DIF


สัปดาห์นี้ประเด็น Window Dressing อาจช่วยกระตุ้นตลาดฟื้นตัวได้ในช่วงปลายเดือนก่อนปิดงวดไตรมาส 2/61 ประเด็นดังกล่าวนักวิเคราะห์หลายแห่งได้คัดเลือกกลุ่มหุ้นที่น่าลงทุนและคาดว่าจะเป็นเป้าหมายในการทำ Window Dressing โดยกลุ่มหุ้นที่คาดว่าจะเป็นเป้าหมายคือกลุ่มหุ้น Big Cap

ดังนั้น“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์”จึงทำการรวบรวมกลุ่มหุ้นดังกล่าวมานำเสนอเพื่อเป็นทางเลือกในการเข้าลงทุนโดยครั้งนี้ได้ทำการรวบรวมข้อมูลจากบทวิเคราะห์ของบล.ดีบีเอส วิคเคอร์สโดยได้แนะนกลุ่มหุ้นดังกล่าวที่น่าสนใจดังนี้คือ  PTT, PTTEP,PTTGC,TOP,IVL,AOT,CPALL,CPF,BJC,HMPRO,MINT,ADVANC,SCC,KBANK,SCB,BBL,KTB,BDMS, CPN,DIF ที่น่าสนใจมีหุ้นเด่นที่เป็น Top Pick ในแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรมน่าลงทุนคือ PTTGC,IVL,PTT,AOT,CPALL,ADVANC,SCC,BBL,CPN,DIF ตามบทวิเคราะห์ดังนี้

บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส  ระบุในบทวิเคราะห์ว่า หุ้น Big Cap เป็นเป้าหมายที่จะใช้ทำ Window Dressing – สัปดาห์หน้าจะเป็นสัปดาห์ซื้อขายสุดท้ายของไตรมาส 2/61 คาดว่านักลงทุนสถาบันน่าจะมีการทำราคาปิดสิ้นงวด (Window Dressing) ซึ่งหุ้นที่อยู่ในเป้าหมายของการทำราคาจะเป็นหุ้นขนาดใหญ่ ซึ่งมีสัดส่วน Market Cap มากใน SET

หุ้น Big Cap ใน DBSV Coverage ได้ทำการจัดอันดับหุ้น Market Cap ใหญ่ 20 อันดับ พบว่าหุ้นที่อยู่ในข่ายที่น่าจะเป็นเป้าหมายของการซื้อเพื่อทำราคาปิดจะอยู่ในกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี (PTT, PTTEP, PTTGC, TOP, IVL) กลุ่มท่องเที่ยว (AOT) กลุ่มค้าปลีกและอาหาร (CPALL, CPF, BJC, HMPRO, MINT ) กลุ่มสื่อสาร (ADVANC) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง (SCC) กลุ่มธนาคารพาณิชย์ (KBANK, SCB, BBL, KTB) กลุ่มโรงพยาบาล (BDMS) กลุ่มให้เช่าพื้นที่ (CPN) และกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน (DIF)

 

สำหรับหุ้นเด่นที่เป็น Top Pick ในแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรม เป็นดังนี้

กลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี – หุ้น Top Picks เป็น

# PTTGC คาดกำไร 2Q61F จะยังคงแข็งแกร่ง เพราะสเปรดของปิโตรเคมีสายโอเลฟินส์อยู่ในระดับสูง การปรับขึ้นของราคาน้ำมันดิบทำให้มีกำไรจากสต็อกมากกว่าผลขาดทุนในอัตราแลกเปลี่ยนเพราะเงินบาทอ่อน นอกจากนั้นยังได้ผลประโยชน์จากโครงการ MAX ด้วย ณ ราคาปัจจุบันมี P/E ปีนี้ 9 เท่า และคาดว่าจะให้ Dividend Yield ราว 5% ให้ราคาพื้นฐาน 113 บาท

# IVL ประมาณการว่ากำไร 2Q61F จะเติบโตสูงมาก จากสเปรดของ PET และ PTA ที่เป็นเลขสามหลัก ขณะที่ 2Q60 เป็นเลขสองหลักกลางๆ ให้ราคาพื้นฐาน 71 บาท

# PTT – ธุรกิจมั่นคงและกำไรแม้จะอ่อนลง QoQ แต่ก็ยังสูง ซึ่งเป็นไปตามการรับรู้จากบริษัทย่อย PTTEP และบริษัทร่วมที่เป็นโรงกลั่นและปิโตรเคมี ผลกระทบจากการถูกแทรกแซงเรื่องการอุดหนุนราคาก๊าซไม่มาก ให้ราคาพื้นฐาน 61 บาท

 

กลุ่มท่องเที่ยว – หุ้น Top Picks เป็น # AOT – บริษัทมีปัจจัยกระตุ้นทั้งในระยะสั้นและยาว ระยะสั้นจากการขยายกำลังรองรับผู้โดยสารในสนามบินที่บริหารงานอยู่ เนื่องจากปริมาณความต้องการใช้สนามบินมีเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทุกปี ในระยะกลาง-ยาวจากการเปิดประมูลพื้นที่ดิวตี้ฟรีในปีนี้ซึ่งคาดว่าจะได้ค่าเช่าเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญตั้งแต่ปี 64 เป็นต้นไป การได้บริหารสนามบินเพิ่ม และจากโครงการสนามบินสุวรณภูมิเฟสที่ 2 ประเมินราคาพื้นฐานไว้ที่ 75 บาท

 

กลุ่มค้าปลีกและอาหาร – หุ้น Top Picks เป็น# CPALL – คาดการณ์ SSSG ของ 2Q61F จะเป็นบวกต่อเนื่องจากไตรมาสแรกและขยายสาขาเพิ่มตามแผน การที่ธุรกิจมี Economy of scale สูงขึ้นและการปรับ Product Mixed เพิ่มสัดส่วนสินค้าที่มีมาร์จิ้นสูง ทำให้อัตรากำไรแข็งแกร่ง กระแสเงินสดจากการดำเนินงานดีมากเพราะขายเป็นเงินสด แต่ซื้อสินค้าเข้าสาขาแบบมีเครดิต ให้ราคาพื้นฐาน 95 บาท

 

กลุ่มสื่อสาร – หุ้น Top Picks เป็น# ADVANC – ธุรกิจไปได้ดี เพราะอยู่ใน Trend ที่มีอุปสงค์การใช้งานสูงทั้งในปัจจุบันและอนาคต เพราะอยู่ในกระแสดิจิตอลและธุรกรรมต่างๆ มุ่งทำบน Smart Phone มากขึ้น การแข่งขันมีแนวโน้มจะไม่รุนแรงมากอย่างใน 1-2 ปีก่อน ฐานะการเงินดี ให้ราคาพื้นฐาน 232 บาท อย่างไรก็ตาม ระยะสั้นอาจมีประเด็นเรื่องการประมูลคลื่นความถี่ 900 และ 1800 MHz เข้ามากระทบเป็นระยะ แต่ก็จะเป็นปัจจัยชั่วคราว

 

กลุ่มวัสดุก่อสร้าง – หุ้น Top Picks เป็น # SCC – ธุรกิจวัสดุก่อสร้างในปีนี้ยังฟื้นตัวได้ช้า แต่ก็มีแนวโน้มดีขึ้นในปี 62 จากโครงการภาครัฐที่จะเข้ามามากขึ้น ส่วนธุรกิจปิโตรเคมีไปได้ดี การลงทุนในภูมิภาคสร้างรายได้และกำไรเพิ่มในระยะยาว ฐานะการเงินแข็งแรง จ่ายปันผลดีสม่ำเสมอ ให้ราคาพื้นฐาน 550 บาท คาดการณ์ Dividend Yield ปีนี้กว่า 4%

 

กลุ่มธนาคารพาณิชย์ – หุ้น Top Picks เป็น # BBL – ได้ประโยชน์จากวัฏจักรขาขึ้นของการลงทุน ผลกระทบจากการยกเลิกค่าธรรมเนียมผ่านระบบออนไลน์ไม่มากเพราะส่วนหนึ่งได้รับการชดเชยจากรายได้ค่าธรรมเนียมจากการขายประกัน ซึ่งบริษัทได้จับมือเป็นพันธมิตรกับ AIA ด้าน Valuation ไม่แพง ราคาหุ้นปัจจุบันมี P/BV  ต่ำที่ 0.9 เท่า ให้ราคาพื้นฐาน 218 บาท

 

กลุ่มให้เช่าพื้นที่ – หุ้น Top Picks เป็น # CPN – คาดว่าแรงขายเกิดขึ้นมาจากข่าวการเข้ามาแข่งขันในการพัฒนาโครงการ outlet mall จากยักษ์ใหญ่สัญชาติสหรัฐคือ Simon Property Inc โดยร่วมมือกับสยามพิวรรธน์ ส่งผลกระทบจำกัด เนื่องจาก CPN ก็มีประสบการณ์ในการทำธุรกิจในไทยและมีความสามารถแข่งขันสูง คาดกำไรสุทธิงวด 2Q61F จะเติบโตสูงจากการโอนคอนโดจำนวนมากขึ้น ให้ราคาพื้นฐาน 85 บาท

 

กลุ่มกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน -หุ้น Top Picks เป็น # DIF – หลังการซื้อสินทรัพย์เข้ากองทุนเพิ่ม อัตราผลตอบแทนปันผล (Dividend yield) ปี 61-62 จะเพิ่มเป็นมากกว่า 7% ต่อปี เทียบกับปี 60 ที่ 6.9% และอายุสัญญาเช่าจะเพิ่มเป็น 21 ปี (จากก่อนซื้อเหลือ 9.5 ปี) รวมทั้งอายุการรับประกันการเช่าก็ยาวนานขึ้นทั้งในส่วน Tower และ Fiber ฝ่ายวิจัยฯ DBSV ประเมินราคาพื้นฐานไว้ที่ 15.90 บาท ด้วยวิธี DCF

บล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า “Window Dressing” มักจะมีการกล่าวถึงในช่วงสิ้นไตรมาส เนื่องจากราคาหุ้นบางตัว (รวมทั้งตลาดโดยรวม) มักปรับตัวขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าว เป็นการทำตัวเลขทางบัญชีให้ดูดีทั้งจากนักลงทุนสถาบัน กองทุน และบริษัทอื่นๆ ที่ลงทุนในหุ้น ด้วยการซื้อเพื่อผลักดันราคาหุ้นให้ปิดสูงขึ้น ทำให้พอร์ทที่ลงทุนมีมูลค่าเพิ่มขึ้น จากการศึกษาความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทยในช่วงปลายเดือนของทุกไตรมาส

ย้อนหลังนับตั้งแต่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจโลกปี 2009 เป็นต้นมา เราพบว่าภาพรวมมีโอกาสเฉลี่ยประมาณ 60% ที่จะเกิดผลกระทบ Window Dressing โดยไตรมาสที่มีโอกาสเกิดผลกระทบ Window Dressing มากไปหาน้อย คือ ไตรมาสที่ 1 มีโอกาสเกิด Window Dressing 70%, ไตรมาสที่ 2 และ 4 มีโอกาสเกิดเท่ากันที่ 67% และไตรมาสที่ 3 มีโอกาสเกิดน้อยที่สุดที่ 33% ส่วนในแง่ผลตอบแทน Window Dressing โดยเฉลี่ยในไตรมาสที่ 2 อยู่สูงที่สุดที่ +1.9% ตามด้วยไตรมาสที่ 1, ไตรมาสที่ 4 และไตรมาสที่ 3 ที่ +0.6%, +0.1% และ -0.7% ตามลำดับ

*ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆการตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน

Back to top button