เหยื่อของจอมยุทธ์

บทเรียนอันเจ็บแสบของนักลงทุนที่ถือหุ้นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่มีกำไรสูงสุดของไทย บริษัท แลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH หลังจากที่นายอนันต์ อัศวโภคิน ผู้ถือหุ้นรายใหญ่สุดของบริษัทฯ ประกาศขอยกเลิกการทำคำขอเสนอซื้อหุ้นหรือ เทนเดอร์ออฟเฟอร์บางส่วน ในวันที่ 7 สิงหาคม คือ ต้องท่องและจดจำหลักกาลามสูตร ให้ขึ้นใจ


พลวัตปี 2018 : วิษณุ โชลิตกุล

บทเรียนอันเจ็บแสบของนักลงทุนที่ถือหุ้นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่มีกำไรสูงสุดของไทย บริษัท แลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH หลังจากที่นายอนันต์ อัศวโภคิน ผู้ถือหุ้นรายใหญ่สุดของบริษัทฯ ประกาศขอยกเลิกการทำคำขอเสนอซื้อหุ้นหรือ เทนเดอร์ออฟเฟอร์บางส่วน ในวันที่ 7 สิงหาคม คือ ต้องท่องและจดจำหลักกาลามสูตร ให้ขึ้นใจ

จอมยุทธ์ที่ช่ำชองนั้นยากจะคาดเดา ใครที่หาญกล้าเชื่อว่าเดินตามจอมยุทธ์แล้วปลอดภัย ไม่ถือว่ารู้เดียงสา แต่เป็นแค่ไร้เดียงสา

การวิ่งขึ้นก่อนเวลาของราคาหุ้นในกลุ่ม LH (ประกอบด้วย LH, HMPRO, QH) โดยไม่รอช่วงเวลาประกาศงบไตรมาสสองและงบกลางปีในเวลาไล่เลี่ยกันในปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา โดยเฉพาะ LH ที่วิ่งทำนิวไฮในรอบ 5 ปี ด้วยแรงซื้อที่คึกคัก แถมยังไม่ถึงกำหนดเงื่อนเวลาสำคัญคือ การประชุมกรรมการบริษัทเพื่ออนุมัติของนายอนันต์ อัศวโภคิน

การวิ่งขึ้นของราคา ไม่ว่าจะมีแรงซื้อมาจากใคร ล้วนบ่งบอกนัยสำคัญของความเชื่อมั่นในพื้นฐานราคาตลาดของ LH ในอนาคตอย่างมีนัยสำคัญ ว่าราคาใต้ 12.00 บาท น่าจะเป็นแนวรับ มากกว่าแนวต้านไปเสียแล้ว

ผู้เขียนเคยดักคอเอาไว้ล่วงหน้าแล้วว่า การวิ่งขึ้นของราคาก่อนกำหนด ไม่ว่าจะมีนัยสำคัญอะไร ทำให้โอกาสที่ดีลเสนอซื้อหุ้นของนายอนันต์ มีโอกาสล้มเหลวได้ง่ายมาก

กลางเดือนมิถุนายน นายอนันต์ ผู้ถือหุ้นอยู่เดิม 23.93% ได้เสนอทำคำเสนอซื้อบางส่วน (Voluntary Partial Tender Offer) จำนวน 1,194 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 10% ของหุ้นสามัญที่ออก และจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ในราคา 11.80 บาท (ราคาสุทธิหลังหักค่าธรรมเนียม/ภาษี ที่ 11.77 บาท) คิดเป็นมูลค่าประมาณ 1.4 หมื่นล้านบาท

การทำคำเสนอซื้อดังกล่าว นายอนันต์ไม่ได้ควักเงินจากพกห่อเดิม แต่ได้มีหนังสือยืนยันการสนับสนุนทางการเงินจากธนาคารไทยพาณิชย์ เจ้าหนี้เงินกู้รายสำคัญ (ซึ่งถนัดดีลแบบนี้มากกว่าใครในรอบ 5 ปีนี้) ในวงเงิน 1.4 หมื่นล้านบาทที่จะทำการจ่ายชำระค่าเทนเดอร์ออฟเฟอร์ราคาแพงกว่าตลาดในวันที่ออกประกาศ

เป้าหมายที่ชัดเจนของนายอนันต์ (พร้อมด้วยเงื่อนไขเพิ่มเติม) หลังการทำคำเสนอซื้อหุ้นบางส่วน คือ หากมีผู้ถือหุ้นตอบรับขายหุ้นให้เต็มตามจำนวนที่เสนอซื้อ นายอนันต์ จะมีจำนวนหุ้นสามัญทั้งสิ้น 4,054,971,364 หุ้น หรือคิดเป็น 33.93% ของหุ้นสามัญที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทฯ พร้อมแสดงเจตนาชัดว่าประสงค์จะถือหุ้นในบริษัทฯ ในสัดส่วนไม่เกิน 49% เพื่อเพิ่มการลงทุนระยะยาว

เงื่อนไขดังกล่าวจะบรรลุผลสมบูรณ์ได้ไม่ยาก หากว่าราคาก่อนการตั้งโต๊ะรับซื้อเท่ากับ หรือต่ำกว่า 11.80 บาท เพราะคงเป็นเรื่องบ้าบอสิ้นดีที่จะมีนักลงทุนที่ไหนเอาหุ้นที่ราคาต้นทุนสูงกว่านั้นมาขายให้นายอนันต์

การวิ่งของราคาหุ้น LH เหนือ 12.00 บาท (เกาะพ่วงด้วยหุ้นอื่นในกลุ่มที่โหนกระแส ไม่เกี่ยวกับดีล) มีความหมายชัดเจนว่าเงื่อนไขที่นายอนันต์ตั้งเอาไว้ในการทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์ ถูกทำลายไปจนหมดสิ้น

หากนับจนถึงวันตั้งโต๊ะรับซื้อ ราคายังค้างเติ่งเหนือ 12.00 บาท การทำดีลนี้ก็จะล้มไปหรือบรรลุต่ำเกินคาด เป็นความชาญฉลาดประเภท “ตีตั๋วฟรี” หรือ “ตีตั๋วถูก” ของนายอนันต์ที่ยากจะเลียนแบบ

แล้วก็เป็นไปตามคาด เพราะผลลัพธ์ที่คาดเดาล่วงหน้า ภายหลังกรณีดีลเทนเดอร์ออฟเฟอร์ของนายอนันต์ล้มไป โดยให้เหตุผลง่ายมากชนิดที่ “ไร้รอยตะเข็บ” คือ มีปัญหาเรื่องต้นทุนดอกเบี้ยกับผู้ที่รับปากให้การสนับสนุนทางการเงินคือธนาคารไทยพาณิชย์ ตกลงกันไม่ได้กะทันหัน

ข้ออ้างดังกล่าว ดูสมเหตุสมผล และเป็นการหาทางลงแบบจอมยุทธ์ชนิดไม่เสียฟอร์มก็จริง แต่ผลลัพธ์ข้างเคียงคือ แมงเม่าตายเกลื่อนตลาด

ผลลัพธ์หลังดีลล้มจะเกิดขึ้นดังนี้

นายอนันต์ไม่ต้องก่อหนี้เพื่อกู้เงินมาซื้อหุ้น เพราะไม่มีความจำเป็นอะไรอีก

นักลงทุนสถาบันบางรายที่อ่านสัญญาณเชิงสัญลักษณ์ของนายอนันต์ผ่านคำเสนอซื้อมูลค่ามหาศาลในเชิงบวกว่า LH จะต้องมี “ข่าวดีจำบัง” ที่ไม่เปิดเผยให้คนทั่วไปรู้ในแง่การเติบโตของบริษัทในอนาคต อาทิ โครงการเพื่อการเช่าใหม่ ๆ เข้ามาทดแทนโครงการอาคารที่พักอาศัย USA ที่เพิ่งขายออกไปไตรมาสแรกปีนี้ จะเข้าเก็บหุ้นในราคาต่ำลงหลังดีลล้มที่ถือเป็นข่าวร้ายของพวกโหนกระแส

ดีลของนายอนันต์ที่ถือเป็นวิศวกรรมการเงินในการดันราคาหุ้นแบบหนึ่งจบไปแล้วก็จริง แต่ข้อสังเกตว่า การที่ LH ใช้เงินอีก 307.78 ล้านบาท เข้าถือหน่วยลงทุนกองทรัสต์อสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่า แลนด์แอนด์เฮ้าส์ (LHPF) จำนวน 39,458,300 หุ้น ในราคาหุ้นละ 7.80 บาท คิดเป็น 11.96% ของทุนชำระแล้วของ LHPF ส่งผลให้มีจำนวนหน่วยที่บริษัทถือภายหลังการเข้าซื้อ 26.96% ส่อเค้าว่าต้องมีงานใหญ่รออยู่ ยังท้าทายคำตอบอนาคต

เพียงแต่จากนี้ไป ดีลแบบนี้ที่นายอนันต์ทำเอาไว้ จะกลายเป็นตำนานเล่าขานในหมู่แมงเม่า ซึ่งนอกจากภาพลักษณ์ของนายอนันต์จะมัวหม่นลงแล้ว จะทำให้คนที่คิดจะทำแบบเดียวกันอาจจะมีปัญหาได้

สำหรับ จอมยุทธ์ผู้ช่ำชองวรยุทธ์มายาวนานอย่างนายอนันต์ คงไม่ได้มีแค่ “พลังฝ่ามือ” เดียวเป็นแน่แท้

Back to top button