ปลดปล่อย ‘U’ จากนี้มีแต่…!?!

“อดีต” คือ “อดีต” สิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว จำเป็นบทเรียน คงไม่มีใครย้อนกลับไปแก้ไขความขมขื่นได้ สำคัญคือทำวันนี้ และวันต่อไปให้ดีที่สุด


สำนักข่าวรัชดา

“อดีต” คือ “อดีต” สิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว จำเป็นบทเรียน คงไม่มีใครย้อนกลับไปแก้ไขความขมขื่นได้ สำคัญคือทำวันนี้ และวันต่อไปให้ดีที่สุด

เหมือนกับหุ้นอสังหาฯ แมวเก้าชีวิต ซึ่งหลายคนคุ้นหูกันดีในนาม บริษัท แนเชอรัล พาร์ค จำกัด (มหาชน) หรือ NPARK  กำลังฟื้นคืนชีพกลับมาโลดแล่นบนเวทีธุรกิจอีกครั้ง ???

นี่เป็นคำถามที่ถูกพูดถึง และถูกจับจ้องมากที่สุดว่า จะเกิดขึ้นได้จริงภายใต้ชื่อใหม่ในยุคปัจจุบัน คือ บริษัท ยู ซิตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ U หรือไม่ ?

อดีตที่ผ่านมาของหุ้น U ถือว่าเป็นอีกหนึ่งมหากาพย์ที่เป็นบทเรียนล้ำค่าของนักลงทุนยุคก่อนที่ต้อง ช้ำ เพราะหุ้นเกิดอาการเสียทรงเป็นเวลาไม่ต่ำกว่า 4-5 ปี

โดยผลดังกล่าวเกิดขึ้นจากแผนธุรกิจที่ต้องการกว้านซื้อโรงแรมที่ยังมีผลประกอบการขาดทุนอ่วมเอามาไว้เป็นของสะสม เหมือนคนเก็บของเก่าที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์เอาไว้ในบ้าน สร้างผลกระทบเชิงลบต่อผลประกอบการอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และนำไปสู่ผลขาดทุนเรื้อรังเป็นเวลาหลายปี

หนักไปกว่านั้นยังมีการเพิ่มทุนซ้ำซากจนจำนวนหุ้นจดทะเบียนกับตลาดหลักทรัพย์ฯ มีมากถึง 561,371.69 ล้านหุ้น ทำเอาผู้ถือหุ้นเสียศูนย์ไปตาม ๆ กัน เพราะมองไม่เห็นโอกาสที่หุ้นจะกลับมาทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่ง อีกทั้งจำนวนหุ้นที่มากมายมหาศาล จำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมากถึงจะยกหุ้นขึ้นได้ในแต่ละช่อง ผนวกกับบริษัทยังประสบกับปัญหาขาดทุนเรื้อรัง จึงกลายเป็นหุ้นที่ไม่มีใครสนใจอีกต่อไป

ถึงกระนั้นกลับกลายเป็นว่า “คีรี กาญจนพาสน์”  ประธานกรรมการ  บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS  ได้กระโดดลงมาทำการกู้ชีพบริษัทแห่งนี้อย่างเต็มตัว  ซึ่งเป็นการเดินหน้าครั้งสำคัญของ NPARK ภายใต้ร่มเงาของ “บีทีเอส กรุ๊ป” หลังตกลงซื้อกิจการ บริษัท บีทีเอส แอสเสทส์ จำกัด หรือ BTSA และ บริษัท ก้ามกุ้ง พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ที่ทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จาก BTS เข้าถือหุ้น NPARK ในสัดส่วน 35.64% ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด

นอกจากนี้ มีการเปลี่ยนชื่อหุ้น NPARK ใหม่เป็นชื่อ บริษัท ยู ซิตี้ จำกัด (มหาชน) และเปลี่ยนชื่อย่อหลักทรัพย์เป็น “U” ถือเป็นการสิ้นสุดยุคเก่าของ NPARK ในภายใต้ร่มเงาของ BTS อย่างเต็มที่

โดยข้อตกลงกับ BTS ครั้งนี้เป็นกระบวนการให้ NPARK เพิ่มทุนจำนวน 200,086.87 ล้านหุ้น ตีราคาไว้หุ้นละ 0.047 บาท รวมทั้งวอร์แรนต์อีก (NPARK-W2) จำนวน 100,043.43 ล้านหน่วย โดยมีราคาใช้สิทธิ 0.047 บาทต่อหุ้น ไปสวอปกับทรัพย์สินสำคัญของธุรกิจ คือ ที่ดินเปล่าและโครงการ เป็นการควบรวมกิจการที่ไม่ใช้เงินซึ่งเป็นวิศวกรรมการเงินที่เรียกว่า Reversed takeover โดยจุดสำคัญ คือ NPARK ได้ทรัพย์สินของบริษัทในกลุ่ม BTS เข้ามารวมเป็นมูลค่ากว่า 9,404.08 ล้านบาท

ไม่เพียงเท่านั้น คีรี หัวเรือใหญ่แห่ง BTS ยังได้มีการใช้ วิศวกรรม ทางการเงินอย่างชาญฉลาดอีกครั้งหนึ่งด้วยแผน รวมพาร์ 1 บาท ขึ้นมาเป็นพาร์ 100 บาท ส่งผลให้ราคาหุ้นเปลี่ยนแปลงจาก 0.04 บาท ขยับขึ้นมาเป็น 4 บาทอย่างมีนัยสำคัญ

พร้อมกับทำให้วันแรกของการซื้อขายพาร์ใหม่มีแรงเทขายหนักหน่วง จนราคาหุ้นวูบหายลงไปอย่างรวดเร็วถึง 22%  ซึ่งเป็นผลมาจากนักลงทุนที่ติดหุ้นก่อนหน้านี้สามารถตัดขายหุ้นขาดทุนได้ง่ายขึ้น เพราะระดับราคาที่สูงขึ้นเปิดช่องให้ขายหุ้นคล่องตัวขึ้นกว่าเดิมนั่นเอง

ต่อจากนั้นหากมองไปถึงแผนขั้นถัดไปที่จะเริ่มขึ้นในเดือนธันวาคม ด้วยการลดพาร์จาก 100 บาท ลงมาเหลือ 3.20 บาท เพื่อนำไปล้างขาดทุนสะสมที่มีอยู่ให้หายเกลี้ยงไปในพริบตา น่าจะทำให้หุ้น U กลับมาน่าสนใจอีกครั้ง เพราะเท่ากับบริษัทจะจ่ายปันผลให้ผู้ถือหุ้นได้ทันที ถือเป็นการจบกระบวนการทั้งหมดได้แบบหมดจด

นอกจากนี้เมื่อมองไปถึง Current ratio ปัจจุบันที่ 2.81 เท่า กับค่า D/E ต่ำเพียง 0.9 เท่า ก็บ่งบอกถึงสภาพคล่องทางการเงินของ U แข็งแรงกว่าเมื่อก่อนอย่างเห็นได้ชัด ประกอบกับรายได้ครึ่งปีแรกของปี 61 ออกมาใกล้เคียงผลงานทั้งปี 60

ทำให้มั่นใจว่าธุรกิจของ U ฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้ และอนาคตของหุ้นคงไม่หยุดเพียงเท่านี้

ส่วนคำถามที่ว่าหุ้น U จะกลับมาอยู่ในโฟกัสของนักลงทุน และโลดแล่นได้สมกับเป็นหุ้นตระกูล BTS หรือไม่ ?

คงต้องตามดูกันยาว ๆ !!

Back to top button