SUN รับกำไรปีนี้นิวโลว์เจอผลกระทบบาทแข็งค่า ปักเป้ารายได้ปี62โต15% หลังอัดการผลิตเพิ่ม

SUN รับกำไรปีนี้หดตัวเจอผลกระทบบาทแข็งค่า ปักเป้ารายได้ปี62โต15% หลังอัดการผลิตเพิ่ม เดินหน้าร่วมมือ LOXLEY-"ม.แม่โจ้" นำเทคโนโลยี IOT sensor มาใช้กับฟาร์มเพาะปลูกอัจฉริยะ


นายองอาจ กิตติคุณชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซันสวีท จำกัด (มหาชน) หรือ SUN เปิดเผยว่า ทิศทางผลประกอบการในปี 62 คาดรายได้จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 15% โดยจะเป็นไปตามปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้นเป็น 1.5-1.8 แสนตัน จากปีนี้ 1.2 แสนตัน ขณะที่บริษัทจะเน้นการขยายตลาดเดิม และประเทศใหม่ที่ซื้อสินค้าในราคาที่มีอัตรากำไร (มาร์จิ้น) สูง ไม่ว่าจะเป็นญี่ปุ่น ไต้หวัน เกาหลี และประเทศที่ไม่ได้อยู่ในสหภาพยุโรป

ส่วนงบลงทุนบริษัทวางไว้ที่ 10-20 ล้านบาท เพื่อใช้ในการปรับปรุงประสุทธิภาพตามปกติ และยังไม่มีการลงทุนใหม่ๆ เนื่องจากในปีนี้มีการลงทุนเตรียมไว้ทั้งหมดแล้ว

ขณะที่ผลประกอบการในปีนี้ ยอมรับว่ากำไรจะต่ำกว่าปีก่อนที่มีกำไร 117.49 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทที่แข็งค่ามาอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงราคากระป๋องและราคาข้าวโพดที่ปรับตัวสูงขึ้นด้วย

อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงเป้าหมายรายได้ในปีนี้เติบโตไม่ต่ำกว่า 10% ตามปริมาณการขายที่เติบโตขึ้นราว 20% หรือคิดเป็นปริมาณการผลิตในปีนี้จะอยู่ที่ 1.2 แสนตัน จากปีก่อนอยู่ที่ 1 แสนตัน

“ปีนี้เรารับว่าผลประกอบการในแง่ของกำไรคงเป็นช่วงที่ต่ำที่สุดแล้ว เพราะเราโดนทั้งอัตราแลกเปลี่ยน ราคากระป๋องที่ปรับตัวขึ้น และราคาข้าวโพดที่สูงขึ้นด้วย แต่ในปีหน้าเราคำนวนผลประกอบการจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ 32.50 บาท ก็ถือว่าเหมาะสมแล้ว และเราก็มีการป้องกันความเสี่ยงเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนอย่างเหมาะสม ซึ่งเราเชื่อว่าผลประกอบการปีหน้าจะดีกว่าปีนี้แน่นอน ตามปริมาณการผลิต และปริมาณการขายเพิ่มขึ้น” นายองอาจ กล่าว

ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าผลประกอบการในช่วงไตรมาส 4/61 จะดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากไม่มีการขาดแคลนวัตถุดิบเหมือนในช่วงปลายปีก่อน พร้อมกับออกผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อการส่งออก ภายใต้แบรนด์ KC เพิ่มเติมอีกจำนวน 2 รายการ ได้แก่ สับปะรดถุงพร้อมทาน และข้าวโพดบาร์บีคิว คาดว่าจะวางจำหน่ายในร้านสะดวกซื้อในประเทศเกาหลีได้ในเดือน พ.ย.-ธ.ค. นี้ แต่ผลประกอบการคงออกมาต่ำกว่าไตรมาส 3/61 ที่เป็นช่วงไฮซีซั่น

ขณะที่ ล่าสุด วันนี้ (8 พ.ย.) SUN ร่วมมือกับ บริษัท ล็อกซเล่ย์ จำกัด (มหาชน) หรือ LOXLEY และ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ เพื่อการนำเทคโนโลยี IOT sensor มาใช้กับฟาร์มเพาะปลูกอัจฉริยะ หรือ Smart Farm ของบริษัท เพื่อเป็นต้นแบบการใช้นวัตกรรมการเกษตรแบบแม่นยำให้กับเกษตรกรใน Contract Farming กับบริษัทที่มีมากกว่า 20,000 ราย ครอบคลุมพื้นที่ทางภาคเหนือตอนบนและตอนล่าง และจะเป็นตัวอย่างแก่เกษตรกรทั่วประเทศต่อไป

สำหรับโครงการพัฒนานวัตกรรมการเกษตร บริษัทได้มีการลงทุนและศึกษาวิจัยร่วมกันกับหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนหลายโครงการ อาทิ บริษัท บริลเลี่ยนท์ พาวเวอร์ จำกัด ในโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา 500Kwp (Solar PV Rooftop) และ บริษัท สกาย วีไอวี จำกัด ผู้เชี่ยวชาญการให้บริการด้านเกษตรกรรมแม่นยำ เพื่อนำนวัตกรรมการวิเคราะห์ภาพถ่ายทางอากาศแบบ Multispectral จากอากาศยานไร้คนขับ โดยได้ทำการศึกษาวิจัยรวบรวมข้อมูลการปลูกข้าวโพดหวานครบทุกมิติ (บิ๊กดาต้า) ในการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและแก้ปัญหาทางการเกษตร ด้วยการนำนวัตกรรมมาใช้เพื่อสร้างความเสถียรภาพตั้งแต่ขั้นตอนเตรียมเมล็ดการเพาะปลูกส่งผลให้ได้ผลผลิตที่เป็นวัตถุดิบหลักของผลิตภัณฑ์มีความสมบูรณ์มากขึ้น จนไปถึงขั้นตอนการผลิตเพื่อยกมาตรฐานอุตสากรรมการเกษตรในประเทศไทย

“ในส่วนของการผลิตสินค้า ช่วงนี้ถือว่าเป็นไฮซีซั่นของการปลูกข้าวโพดหวาน ส่งผลให้บริษัทฯได้ปริมาณผลผลิตข้าวโพดหวานค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับช่วงอื่นๆของปี ประกอบบริษัทได้ดำเนินการติดตั้งเครื่องจักรผลิตข้าวโพดหวานแช่แข็ง (Frozen) แล้วเสร็จตามกำหนด ซึ่งสามารถเพิ่มการผลิตได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและขยายกำลังการผลิตได้จากเดิม 3 เท่า หรือ ประมาณ 20,000 ตันต่อปี ทำให้บริษัทสามารถควบคุมต้นทุนการผลิตได้ดีขึ้น และมีความมั่นใจในกำลังการผลิตสินค้าที่เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ” นายองอาจ กล่าว

Back to top button