BEM รูด 5% กังวล “กทพ.” ทบทวนมติต่อสัมปทาน 37 ปี หลังสหภาพแรงงานฯคัดค้าน

BEM รูด 4% กังวลกทพ.ทบทวนมติต่อสัมปทาน 37 ปี หลังสหภาพแรงงานฯคัดค้าน ล่าสุด ณ เวลา 12.20 น. อยู่ที่ 9.50 บาท ลบ 0.45 บาท หรือ 4.52% สูงสุดที่ 9.80 บาท ต่ำสุดที่ 9.45 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 1.11 พันล้านบาท


บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM ล่าสุด ณ เวลา 12.20 น. อยู่ที่ 9.50 บาท ลบ 0.45 บาท หรือ 4.52% สูงสุดที่ 9.80 บาท ต่ำสุดที่ 9.45 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 1.11 พันล้านบาท

ทั้งนี้ ราคาหุ้น BEM ปรับตัวลง หลังนักลงทุนกังวลเกี่ยวกับคณะกรรมการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เตรียมทบทวนมติต่ออายุสัมปทานทางด่วนอีก 37 ปี แทนการจ่ายเงินชดใช้ค่าเสียหายเพื่อยุติข้อพิพาทอีกรอบ

โดย นายสมชัย พิทยาพฤกษ์ นักวิเคราะห์ บล.โนมรูระ พัฒนสิน เปิดเผยว่า ล่าสุดคณะกรรมการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย(กทพ.)รับความเห็นของพนักงงานกทพ. ก่อนชงเรื่องให้กระทรวงคมนาคม และ คณะกรรมการ PPP จากก่อนหน้าที่มติบอร์ด กทพ.มีแนวทางให้ขยายสัมปทานทางด่วนให้ BEM ออกไปอีก 37 ปีเพื่อยุติข้อพิพาททั้งหมด และมูลค่าข้อพิพาทกว่า 1.37 แสนล้านบาท โนมูระฯมีมุมมอง slighty negative ต่อประเด็นข่าวดังกล่าว โดยความเห็นต่างของสหภาพแรงงาน กทพ.ที่เชื่อว่าไม่จำเป็นต้องต่ออายุสัมปทานออกไป

อย่างไรก็ดี ตามรายงานงบการเงินของ BEM ในไตรมาส 2/61 กทพ.มีมูลหนี้จากการคดีฟ้องร้องของ BEM จำนวน 2.8 หมื่นล้านบาท และในไตรมาส 3/61 มีมูลหนี้กว่า 5 หมื่นล้านบาท ถ้า BEM ชนะคดี จะทำให้มูลค่าหุ้น BEM เพิ่มขึ้นมา 1.80 -4.50 บาท/หุ้น

ขณะนี้ยังไม่ได้ข้อสรุปมีเพียงแนวทางการเจรจาเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ มุมมองของโนมูระฯเห็นว่าการเจรจาต้องรอข้อสรุปหลังการเลือกตั้งไปแล้ว และแนะนำ “Neutral” ราคาพื้นฐาน 7.90 บาท ยังไม่รวมอัพไซด์จากการเจรจา เพราะยังไม่มีอะไรแน่นอน นักลงทุนที่ถือ BEM อยู่แล้วให้ถือเก็งกำไร upside เพราะพื้นฐานยังดี  แต่นักลงทุนที่ยังไม่มีระวังความเสี่ยง

เดิมมีแนวทางเจรจาที่ การทางฯจะขยายอายุสัมปทานกับ BEM เรามีมุมมองเป็นบวก แต่เมื่อสหภาพคัดค้านและบอร์ดรับความเห็นของสหภาพ ตลาดก็กังวล สุดท้ายเจรจาอย่างไร มองว่า BEM ไม่เสียประโยชน์ รอก่อน เพราะเป็นแค่แนวทางยังไม่ได้สรุป”นักวิเคราะห์ กล่าว

อนึ่ง เมื่อวันที่ 20 ธ.ค.2561 บอร์ดกทพ.ได้เชิญผู้บริหาร BEM มาเจรจา และได้ผลสรุปออกมาเป็นแนวโน้มที่ดีทั้งสองฝ่ายโดยจะขยายอายุสัญญาสัมปทานทางด่วนขั้นที่ 2 และทางด่วนบางปะอิน-ปากเกร็ด (C+) ซึ่งจะหมดอายุสัมปทาน ในปี 2570 ออกไปอีก 37 ปี เพื่อลดหนี้ข้อพิพาทที่มีต่อกันมายาวนานทั้งที่ยุติไปแล้ว และอยู่ระหว่างพิจารณา คิดเป็นมูลค่าประมาณ 1.3 แสนล้านบาท พร้อมกับปรับสูตรการปรับค่าผ่านทางใหม่ให้ปรับขึ้นทุกๆ 10 ปี ในอัตรา 10 บาท เท่ากับว่าเอกชนจะปรับค่าผ่านทางได้ 2 ครั้ง และแบ่งรายได้ค่าผ่านทางให้ กทพ. 60% ตลอดอายุสัญญาสัมปทาน

Back to top button