ผู้ถือหุ้น BEM ลงมติ 3 ใน 4 ยุติข้อพิพาทกทพ.ทั้งหมดแลกขยายสัมปทานทางด่วน!

ผู้ถือหุ้น BEM ลงมติ 3 ใน 4 ยุติข้อพิพาทกทพ.ทั้งหมดแลกขยายสัมปทานทางด่วน!


บริษัท ทางด่วนแลรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2562 ของ บริษัทฯ วันนี้ (18 มี.ค.62) มีมติมากกว่า 3 ใน 4 ให้บริษัทและบริษัท ทางด่วนกรุงเทพเหนือ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยยุติข้อพิพาททั้งหมดกับการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.)

โดยการทบทวนและแก้ไขสัญญาโครงการระบบทางด่วนขั้นที่ 2 สัญญาเพื่อการต่อขยายโครงการระบบทางด่วนขั้นที่ 2 (ส่วนดี) และสัญญาโครงการทางด่วนสายบางปะอิน-ปากเกร็ด ซึ่งในการยุติข้อพิพาททั่งหมดดังกล่าว กทพ.และบริษัท /บริษัทย่อย ตกลงที่จะมีการขยายระยะเวลาสัญญาสัมปทานไปเป็น 21 เม.ย.พ.ศ.2600 รวมทั้ง อัตราค่าผ่านทางจะมีการปรับเพิ่มขึ้นแบบคงที่ทุกระยะเวลา 10 ปี และให้บริษัทลงทุนปรับปรุงระบบทางด่วนขั้นที่ 2 ใช้เงินประมาณ 3.15 หมื่นล้านบาท

ทั้งนี้ นายพงศ์สฤษดิ์ ตันติสุวณิชย์กุล กรรมการบริษัท BEM กล่าวว่า บริษัทได้ผ่านขั้นตอนการเจรจากับคณะกรรมการ กทพ.แล้ว ขณะนี้ เรื่องได้เข้ากระทรวงคมนาคมก่อนเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติต่อไป ซึ่งเชื่อว่าไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลนี้หรือรัฐบาลใหม่ก็คงให้ความเห็นชอบเพราะเป็นประโยชน์กับประชาชน และแม้ว่าจะมี พ.ร.บ.ร่วมทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน พ.ศ.2562 มีผลบังคับใช้แล้วก็จะไม่มีผลต่อกรณีดังกล่าว เพราะในบทเฉพาะกาลระบุให้ดำเนินการต่อเนื่อง

อนึ่ง เมื่อวันที่ 20 ธ.ค.2561 บอร์ดกทพ.ได้เชิญผู้บริหาร BEM มาเจรจา และได้ผลสรุปออกมาเป็นแนวโน้มที่ดีทั้งสองฝ่ายโดยจะขยายอายุสัญญาสัมปทานทางด่วนขั้นที่ 2 และทางด่วนบางปะอิน-ปากเกร็ด (C+) ซึ่งจะหมดอายุสัมปทาน ในปี 2570 ออกไปอีก 37 ปี เพื่อลดหนี้ข้อพิพาทที่มีต่อกันมายาวนานทั้งที่ยุติไปแล้ว และอยู่ระหว่างพิจารณา คิดเป็นมูลค่าประมาณ 1.3 แสนล้านบาท พร้อมกับปรับสูตรการปรับค่าผ่านทางใหม่ให้ปรับขึ้นทุกๆ 10 ปี ในอัตรา 10 บาท เท่ากับว่าเอกชนจะปรับค่าผ่านทางได้ 2 ครั้ง และแบ่งรายได้ค่าผ่านทางให้ กทพ. 60% ตลอดอายุสัญญาสัมปทาน

Back to top button