GULF-BGRIM ตีคู่วิ่ง! หลังกวาดเรียบโรงไฟฟ้าเวียดนามกำลังผลิตเฉียด 1 หมื่นเมกฯ

GULF-BGRIM ตีคู่วิ่ง! หลังกวาดเรียบโรงไฟฟ้าเวียดนามกำลังผลิตเฉียด 1 หมื่นเมกฯ


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF ณ เวลา 10.19 น. อยู่ที่ระดับ 169 บาท บวก 6.50 บาท หรือ 4% สูงสุดที่ระดับ 170 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 165 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 613.37 ล้านบาท

ขณะที่ราคาหุ้น บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM อยู่ที่ระดับ 51.25 บาท บวก 3.50 บาท หรือ 7.33% สูงสุดที่ระดับ 51.75 บาท ต่ำสุดที่ระดับ50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 513.22 ล้านบาท

สำหรับราคาหุ้นของ GULF และ BGRIM ปรับตัวขึ้นแรงหลังคว้าสัญญาโรงไฟฟ้าเวียดนาม เกือบ 10,000 เมกะวัตต์ พร้อมคลังแอลเอ็นจี โดย  GULF คว้าไป 6,000 เมกะวัตต์ ส่วน BGRIM คว้าไป 3,000 เมกะวัตต์

 

อนึ่ง เมื่อวันที่ 2 พ.ย. 2562 ที่ผ่านมา นายเหงียน ซวน ฟุก นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม เดินทางเยือนประเทศไทย เพื่อร่วมเป็นสักขีพยานการลงนามบันทึกความร่วมมือเพื่อพัฒนาโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ พร้อมสถานีรับ-จ่ายก๊าซธรรมชาติเหลว กับ 2 บริษัทไฟฟ้ายักษ์ใหญ่ของไทย กำลังการผลิตรวม 9,000 เมกะวัตต์

ประกอบด้วย บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF ขนาดกำลังการผลิต 6,000 เมกะวัตต์ มีนางพรทิพา ชินเวชกิจวานิชย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ GULF และนายลู ซวน วิ้งค์ ประธานคณะกรรมการประชาชนจังหวัดนิ่งห์ถ่วน ประเทศเวียดนาม เป็นผู้ร่วมลงนามฯ และบริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM ขนาดกำลังผลิต 3,000 เมกะวัตต์ มี ดร.ฮาราลด์ ลิงค์ ประธานคณะกรรมการ, นางปรียนาถ สุนทรวาทะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BGRIM และ Mr. Ho Cong Ky-Chairman และMr. Le Nhu Linh – President & CEO Petrovietnam Power Corporation ร่วมลงนามสัญญา

ด้านนายรัฐพล ชื่นสมจิตต์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร GULF เปิดเผยกับ “ข่าวหุ้นธุรกิจ” ว่า การลงนามสัญญาครั้งนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้น หลังจากนี้บริษัทจะมีการหารือกับหน่วยงานท้องถิ่น เพื่อหาข้อสรุปเรื่องสถานที่ตั้ง เรื่องใบอนุญาตต่าง ๆ เรื่องอัตราค่าไฟฟ้า ท่าเรือและคลังแอลเอ็นจี เพื่อเสนอต่อรัฐบาลเวียดนาม เพื่อกำหนดเป็นแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้า รวมถึงสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) ที่คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2563 จากนั้นใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 4 ปี

โดยแผนการลงทุนเบื้องต้นกำหนดไว้ 4 เฟส โดยเริ่มต้นผลิตไฟฟ้า เฟสที่ 1 ขนาดกำลังผลิต 1,500 เมกะวัตต์ ในปี 2568 เฟสที่ 2 ขนาดกำลังผลิต 1,500 เมกะวัตต์ ในปี 2569 เฟสที่ 3  ขนาดกำลังการผลิต 1,500 เมกะวัตต์ ในปี 2570 เฟสที่ 4 ขนาดกำลังผลิต 1,500 เมกะวัตต์ ในปี 2571

สำหรับเม็ดเงินลงทุนรวมอยู่ที่ 6,000 ล้านเหรียญสหรัฐ (หรือประมาณ 186,000 ล้านบาท) โดยมาจากสถาบันการเงิน 75% ส่วนที่เหลืออีก 25% จะมาจากเงินทุนหมุนเวียนในบริษัทเอง โดยอัตราผลตอบแทนจาการลงทุน(IRR)จะต้องไม่ต่ำกว่า 10%

ขณะเดียวกัน นางปรียนาถ สุนทรวาทะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BGRIM เปิดเผยว่า ความร่วมมือระหว่าง BGRIM และปิโตรเวียดนามครั้งนี้ เนื่องจากปิโตรเวียดนาม เห็นถึงศักยภาพด้านการบริหารจัดการโรงไฟฟ้าของบริษัท รวมทั้งความสามารถการจัดหาแอลเอ็นจี ปัจจุบันปิโตรเวียดนาม มีโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติที่เดินเครื่องแล้วตั้งแต่ปี 2557 กำลังการผลิตเฟสแรกอยู่ที่ 1,500 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ในจังหวัดก่าเมา (Ca Mau) ประเทศเวียดนาม แต่ขณะนี้มีปัญหาก๊าซไม่เพียงพอ จึงไม่สามารถเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าได้ ดังนั้นจึงชักชวนบริษัท ร่วมถือหุ้นโรงไฟฟ้าก๊าซและธุรกิจแอลเอ็นจี นอกจากนี้ปิโตรเวียดนาม ยังมีแผนขยายโรงไฟฟ้าเฟส 2 ในพื้นที่เดียวกัน กำลังการผลิตอีก 1,500 เมกะวัตต์

สำหรับสัดส่วนการเข้าถือหุ้นร่วมกับปิโตรเวียดนามทั้งในส่วนโรงไฟฟ้าและธุรกิจแอลเอ็นจี อยู่ระหว่างการศึกษา คาดว่าจะเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท (บอร์ด) ได้ช่วงต้นปี 2563 และคาดว่าจะได้ข้อสรุปแผนร่วมทุนดังกล่าว รวมทั้งเงินลงทุนทั้งหมดภายในไตรมาส 1/2563

โดยปัจจุบันบริษัทมีพันธมิตรที่ดำเนินธุรกิจแอลเอ็นจีและคลังลอยน้ำในรูปแบบ FSRU ที่นอร์เวย์ ที่มีความเชี่ยวชาญด้าน FSRU ขณะเดียวกันด้านการจัดหาแอลเอ็นจีนั้น ที่ผ่านมามีผู้ประกอบการหลายรายชักชวนบริษัทดำเนินธุรกิจร่วมกัน เนื่องจากปัจจุบันมีแหล่งแอลเอ็นจีเกิดขึ้นจำนวนมาก ทำให้ตลาดยังเป็นของผู้ซื้อ ดังนั้นจึงไม่มีปัญหาด้านการจัดหาแอลเอ็นจีแต่อย่างใด

ขณะเดียวกันบริษัทยังไม่ได้ลงนามสัญญาซื้อขายก๊าซกับทางบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT เพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงในโรงไฟฟ้า SPP ที่ได้รับสัญญาใหม่ (SPP Replacement) 7 โรง เนื่องจากยังรอความชัดเจนจากทางภาครัฐในการเปิดเสรีก๊าซธรรมชาติ ซึ่งบริษัทมีความพร้อมด้านการนำเข้าแอลเอ็นจี และปัจจุบันมีเครือข่ายพันธมิตรหลายราย ดังนั้นหากรัฐเปิดเสรีก๊าซอย่างแท้จริง ซึ่งต้องมีความชัดเจนก่อนเดือน พ.ค. 2563 บริษัทพร้อมนำเข้าแอลเอ็นจีทันที แต่หากยังไม่มีความชัดเจนก็เตรียมลงนามสัญญาซื้อก๊าซจาก ปตท. ต่อไป

นางปรียนาถ กล่าวอีกว่า บริษัทมีแผนขยายการลงทุนธุรกิจไฟฟ้าในเวียดนามเพิ่ม ทั้งโรงไฟฟ้าพลังงานลมและโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน (โซลาร์ฟาร์ม) หลังจากหลังจากที่มีโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์มในเวียดนามรวมแล้ว 677 เมกะวัตต์ เนื่องจากศักยภาพการเติบโตของเวียดนามที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าในประเทศอยู่ในระดับสูง และรัฐบาลก็ยังให้การสนับสนุนการลงทุนด้านพลังงานจากบริษัทต่างชาติด้วย คาดว่าในช่วงเดือน ธ.ค.นี้ น่าจะมีข่าวดีเรื่องโรงไฟฟ้าพลังงานลมและโซลาร์ฟาร์มในเวียดนามอย่างน้อยอีก 1 โครงการ

“การรับซื้อไฟฟ้าในเวียดนามไม่มีปัญหา ขณะเดียวกันความต้องการไฟฟ้ายังเพิ่มขึ้น เพราะกำลังการผลิตขณะนี้ยังไม่พอใช้ในประเทศ นอกจากนี้ที่ตั้งโรงไฟฟ้าของ BGRIM ก็อยู่ในพื้นที่เมืองใหญ่ ใกล้เขื่อน มีสายส่งรองรับ จึงสามารถบริหารจัดการได้ และรัฐบาลเวียดนามก็รับซื้อไฟฟ้าทั้งหมด นอกจากนี้ในช่วงปลายปีนี้น่าจะได้รับข่าวดีเรื่องโรงไฟฟ้าพลังงานลม และโซลาร์ฟาร์มในเวียดนามเพิ่มขึ้นอีก” นางปรียนาถ กล่าว

Back to top button