ไอพีโอส่งท้ายปี IMH เทรดวันแรกลุ้นวิ่งเหนือจอง 6 บ.

ไอพีโอส่งท้ายปี IMH เทรดวันแรกลุ้นวิ่งเหนือจอง 6 บ.


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้ (26 ธ.ค.) หลักทรัพย์บริษัท โรงพยาบาลอินเตอร์เมดิคัล แคร์ แอนด์ แล็บ จำกัด (มหาชน) หรือ IMH เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ในกลุ่มอุตสาหกรรมบริการ เป็นวันแรก มีจำนวนหุ้นจดทะเบียนกับตลท. และหุ้นชำระแล้ว 215 ล้านหุ้น พาร์หุ้นละ 0.50 บาท คิดเป็นทุนชำระแล้ว 107.5 ล้านบาท

สำหรับ IMH  ดำเนินกิจการให้บริการตรวจสุขภาพทั้งในและนอกสถานที่ โดยมีสาขาทั้งหมด 5 แห่ง ได้แก่ ราชพฤกษ์ (ที่ตั้งสำนักงานใหญ่) ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา ชลบุรี และระยอง นอกจากนี้บริษัทย่อยยังประกอบธุรกิจให้บริการตรวจวัดคุณภาพสิ่งแวดล้อม ได้เสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 55 ล้านหุ้น ที่ราคาเสนอขายหุ้นละ 6 บาท

โดย นายสิทธิวัตน์ กำกัดวงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร IMH เปิดเผยว่า หุ้น IMH มีความพร้อมที่เข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) วันแรกในวันที่ 26 ธ.ค.นี้ ในหมวดธุรกิจบริการ โดยบริษัทเชื่อว่า จะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องจากวันที่เปิดให้มีการจองซื้อหุ้นเสนอขายให้ประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ระหว่างวันที่ 18-20 ธ.ค.62 ที่ผ่านมา หุ้น IMH ได้รับกระแสตอบรับจากนักลงทุนดีเกินกว่าที่คาดไว้ โดยเฉพาะกลุ่มนักลงทุนสถาบัน ที่ให้ความสนใจจองซื้อหุ้นเข้ามากกว่าจำนวนที่จัดสรรไว้ที่ จำนวน 5.54 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 10.07% ของจำนวนหุ้น IPO ทั้งหมด

สำหรับปัจจัยหลักที่ทำให้นักลงทุนสนใจเข้ามาลงทุน เนื่องจากกลุ่มนักลงทุนสถาบันส่วนใหญ่ ให้ความสนใจหุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์ (Healthcare) ซึ่งมีแนวโน้มเติบต่อต่อเนื่อง และเป็นหุ้นในกลุ่มที่ให้ผลตอบแทนดี , หุ้น IMH มีเป้าหมายที่จะเป็นหุ้น Growth Stock เนื่องจาก ปัจจัยพื้นฐานของการดำเนินธุรกิจ ที่มีความแตกต่างจากบริษัทผู้ประกอบการในกลุ่มธุรกิจเดียวกันรายอื่น ๆ ที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ เนื่องจาก IMH เป็นธุรกิจการให้บริการการแพทย์ต้นน้ำ ด้วยบริการตรวจสุขภาพเชิงรุก ป้องกันก่อนเกิดโรค หรือ โรคลุกลาม ซึ่งการให้บริการในรูปแบบนี้ เป็นเทรนด์ของธุรกิจที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต เพราะเป็นธุรกิจที่ตอบโจทย์ในเรื่องการดูแลสุขภาพตั้งแต่เริ่มต้น ประกอบกับ IMH มีฐานลูกค้าเป็นจำนวนมาก เมื่อเทียบกับผู้ประกอบการรายอื่นๆ

โดยเม็ดเงินจากระดมทุน จำนวน 330 ล้านบาท ในครั้งนี้ บริษัทมีแผนจะใช้ในการปรับปรุงสาขาเดิม และขยายสาขาใหม่ รวมถึงจัดซื้อเครื่องมือและอุปกรณ์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการ อีกทั้ง จะใช้ชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน และที่เหลือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน ในการดำเนินธุรกิจในอนาคต เพื่อเสริมศักยภาพการแข่งขันทางธุรกิจ และก้าวสู่การเป็นผู้นำการให้บริการ การตรวจสุขภาพอาชีวเวชศาสตร์ และการตรวจทางด้านสุขศาสตร์อุตสาหกรรมชั้นนำแบบครบวงจรนอกสถานที่ ที่ครอบคลุมการให้บริการทั่วประเทศ ในมาตรฐานคุณภาพระดับสากล ตามนโยบายและวิสัยทัศน์ที่บริษัทวางไว้

ขณะที่ฐานลูกค้าแบ่งเป็น 3 กลุ่ม ประกอบด้วย กลุ่มแรงงานต่างด้าว , กลุ่มแรงงานไทย และกลุ่มผู้ประกันตน ซึ่ง IMH ได้ให้บริการครอบคลุมลูกค้าหลายอุตสาหกรรมทั่วประเทศ และได้รับความไว้วางใจจากลูกค้า อาทิ Thai Union Group, Tesco Lotus, 7-11, PTTEP, KFC,  Makro , Homepro , Mcdonald’s , King Power, Thai Honda, Western Digital, Index Living, Betagro, TQM, PT group และ Gulf เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังมีฐานกลุ่มลูกค้ารายย่อยทั่วไป ที่เข้ามารับการตรวจสุขภาพ เช่นกัน ประกอบกับประเทศไทย มีผู้ประกันตน ตามมาตรา 33 ในปี 2561 ในระบบเฉลี่ยประมาณ 11.30 ล้านราย ซึ่งจะเห็นได้ว่า ยังมีโอกาสสูงในอนาคต ที่จะเพิ่มจำนวนผู้ใช้บริการในส่วนนี้ ดังนั้น แนวทางการระดมทุนจากตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นการขยายช่องทางและเพิ่มศักยภาพ ในการแข่งขัน เพื่อขยายฐานลูกค้าในอนาคต ให้กับ IMH ได้เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว

ด้านนายธราภุช คูหาเปรมกิจ กรรมบริษัท บริษัท แคปปิตอลวัน พาร์ทเนอร์ จำกัด ในเครือ บล.โกลเบล็ก ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวเพิ่มเติมว่า หุ้นของ IMH จะได้รับความสนใจจากนักลงทุน เพราะเชื่อมั่นว่าธุรกิจมีศักยภาพการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับหากพิจารณาจากศักยภาพความแข็งแกร่งทางธุรกิจ IMH ถือว่าเป็นบริษัทที่อยู่ในช่วงการกำลังเติบโต เห็นได้จากเม็ดเงินระดมทุนในครั้งนี้บริษัทมีแผนจะใช้ในปรับปรุงสาขาเดิม และขยายสาขาใหม่ รวมถึงจะใช้เงินเพื่อจัดซื้อเครื่องมือและอุปกรณ์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการ

ดังนั้น จากศักยภาพ จุดแข็ง ทางธุรกิจ ทำให้เชื่อมั่นว่า หุ้น IMH จะเป็นหุ้นน้องใหม่ ที่น่าจับตาอีกหนึ่งตัวในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ โดย IMH เสนอขายหุ้นสามัญ IPO จำนวน 55 ล้านหุ้น คิดเป็น 25.58% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัท โดยเสนอขายราคา 6 บาทต่อหุ้น

 

Back to top button