เป๋ไปเป๋มา

*สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยที่ย่ำแย่มาหลายวันได้มีโอกาสเด้งดึ๋งช่วงสั้น ๆ ก่อนจะถูกแรงเทขายออกมาจนทำให้ลงมาปิดที่ระดับ 1,569.55 จุด ลบไป 4.15 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.75 หมื่นล้านบาท ถือเป็นเรื่องปกติที่มักเจอกันทั่วไปในช่วงเทศกาลที่ตลาดหุ้นจะเงียบเหงา โดยเฉพาะหากในประเทศยังคงมีแต่ปัจจัยลบกดดันหลาย ๆ ด้าน ยิ่งทำให้ตลาดหุ้นไม่น่าลงทุนเอาเสียเลย


เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน

*สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยที่ย่ำแย่มาหลายวันได้มีโอกาสเด้งดึ๋งช่วงสั้น ๆ ก่อนจะถูกแรงเทขายออกมาจนทำให้ลงมาปิดที่ระดับ 1,569.55 จุด ลบไป 4.15 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.75 หมื่นล้านบาท ถือเป็นเรื่องปกติที่มักเจอกันทั่วไปในช่วงเทศกาลที่ตลาดหุ้นจะเงียบเหงา โดยเฉพาะหากในประเทศยังคงมีแต่ปัจจัยลบกดดันหลาย ๆ ด้าน ยิ่งทำให้ตลาดหุ้นไม่น่าลงทุนเอาเสียเลย

*สาเหตุที่เป็นเช่นนั้นมาจากตัวขับเคลื่อนแวลูของหุ้นไทย ยังเป็นเพียงแค่การมโนภาพไปวัน ๆ แรงซื้อที่เข้ามาในแต่ละรอบถึงกะปริบกะปรอย จนไม่สามารถฝากความหวังไว้ว่าทุกอย่างจะดีขึ้น เพราะลำพังแค่การเทขายของฝรั่งตาน้ำข้าวก็กดมากอยู่แล้ว ยังมาโดนกระหน่ำจากกองทุนตัวแสบเข้าอีกแรง ผนวกกับความวิตกกังวลเกี่ยวกับโรคระบาดจึงทำให้หุ้นในตลาดดิ่งเหวกันถ้วนหน้า

*ประเด็นเหล่านี้ทำให้ “โมนิก้า” มองไซเคิลการเคลื่อนตัวของดัชนีเป็นลักษณะบันไดขาลง โดยระหว่างทางขาลงจะมีการดีดตัวขึ้นให้เห็นบ้างเป็นระยะ ๆ แต่อย่าลืมว่าการเด้งขึ้นระหว่างวันไม่ใช่จุดเปลี่ยนที่สำคัญ นักเล่นหุ้นจึงต้องเน้นยุทธวิธี “เข้าเร็ว-ออกเร็ว” เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการจัดสรรพอร์ตไว้รับมือกับความผันผวนที่น่าจะเกิดขึ้นอีกครั้งในสัปดาห์นี้นะจ๊ะ

*อย่างในรายของ ACE หุ้นรูดลงมาปิดที่ระดับ 3.20 บาท ลบไป 1.12 บาท หรือลงไป 25.93% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.02 พันล้านบาท ทำเอานักเล่นซดน้ำแดงกันถ้วนหน้าหลังจากมีประเด็นการสั่งเด้งผู้ถือหุ้นใหญ่แบบฟ้าผ่าก่อนตรุษจีน งานนี้บริษัทไม่ได้นิ่งนอนใจรีบออกมาชี้แจงอย่างรวดเร็วว่าจะไม่มีผลกระทบต่อธุรกิจอย่างแน่นอน แต่ปัจจัยลบที่เข้ามาครั้งนี้ค่อนข้างจะมีผลต่ออารมณ์และความรู้สึกของผู้ถือหุ้นจึงไม่ต้องแปลกใจหากจะเห็นแรงขายออกมาอีกพักใหญ่เจ้าค่ะ

*ส่วนที่มีอาการหนักพอกัน “โมนิก้า” ขอพุ่งเป้าไปที่ BIG หลังจากก่อนหน้านี้ขมีขมันปั่นกันหน้าตั้งจนหุ้นวิ่งขึ้นไปสู่ยอด 0.83 บาท แต่ด้วยปัจจัยพื้นฐานยังไม่มีอะไรน่าสนใจ ประกอบกับสัญญาณเทคนิคยังไม่เอื้อให้ไปต่อ คนก็ต้องปล่อยของออกมาทำกำไรเป็นธรรมดา หุ้นถึงต้องดิ่งลงมาปิดที่ระดับ 0.74 บาท ลบไป 0.05 บาท หรือลงไป 6.33% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 41.45 ล้านบาท ยังไงล่ะจ๊ะ

*สำหรับ OSP หลังจากไล่ราคากันมาพักใหญ่ หุ้นถึงเริ่มกลับตัวเป็นขาลง ถึงแม้จะมีปัจจัยพื้นฐานคอยบิลต์อารมณ์ แต่เมื่อหุ้นขึ้นไปอยู่ในจุดที่เกินความเป็นจริงแล้วก็ต้องถึงเวลาขายออกมาก็เท่านั้นเอง นาทีนี้จึงได้เห็นหุ้นลงมาปิดที่ระดับ 46.50 บาท ลบไป 0.75 บาท หรือลงไป 1.59% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 525.44 ล้านบาท และ “โมนิก้า” มองว่าอาจจะได้เห็นหุ้นย่อตัวลงมาอีกเจ้าค่ะ

*ส่วนในรายของ COM7 ถือเป็นหุ้นที่น่าจับตาดูในช่วงของฤดูกาลประกาศงบปี 2562 เพราะที่ผ่าน ๆ มามักมีเสียงแว่วเข้าหูแทบตลอดเวลาว่าผลงานไตรมาส 4/2562 พ่วงปี 2562 จะออกมาดีเลิศแบบสุด ๆ แถมผลงานมีลุ้นโตยิงยาวอีกต่างหาก เลยกลายเป็นแรงผลักดันให้ราคาหุ้นกระชากขึ้นมาปิดที่ระดับ 27.75 บาท บวกไป 1.50 บาท หรือ 5.71% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 371.81 ล้านบาท ยังไงล่ะเจ้าคะ

*ด้าน TEAMG หลังจากราคาย่ำฐานมานาน ได้เห็นการไต่ขึ้นมาปิดที่ระดับ 2.34 บาท บวกไป 0.10 บาท หรือขึ้นไป 4.46% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 16.27 ล้านบาท ด้านปัจจัยพื้นฐานยังมีสตอรี่ดี ๆ เต็มเปี่ยม อย่างการคว้างานอย่างต่อเนื่องที่จะหนุนผลงานปี 2562 ออกมาสดใส พ่วงการแจกปันผลสม่ำเสมอถือเป็นแรงจูงใจให้เป็นหนึ่งในหุ้นที่น่าเก็บเข้าพอร์ต แถมเมื่อมองในเรื่องของสัญญาณเทคนิคถือว่าหุ้นยังมีโอกาสขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่บริเวณ 2.42 บาท ลักษณะการเคลื่อนตัวรอบนี้ “โมนิก้า” มองว่าน่าตามไปลุ้นต่อจริง ๆ เจ้าค่ะ

*ตบท้ายด้วย NETBAY เมื่อท้ายสัปดาห์ได้เห็นภาพราคาหุ้นพุ่งไปทดสอบ 37 บาทแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยก่อนจะไหลลงมาปิดที่ระดับ 34.75 บาท ทรงตัวจากวันก่อนหน้า ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 71.34 ล้านบาท เอาซะดื้อ ๆ ทำให้ “โมนิก้า” รู้สึกหวาดระแวงเล็ก ๆ เพราะหุ้นตัวนี้มักมีการสวิงตัวแรง แถมราคาเป้าหมายที่ระดับ 35.70 บาท มันอยู่ในระยะอันตรายที่พร้อมจะถูกแรงขายออกมาได้ตลอดเวลายังไงล่ะจ๊ะ

Back to top button