RATCH เชื่อมั่นกำไรเด่น

RATCH ถือเป็นหุ้นไฟฟ้าที่น่าสนใจด้วยราคาหุ้นที่ฟื้นตัวช้ากว่าตัวอื่น เป็นหุ้นปลอดภัยอีกตัวด้วยปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง เนื่องจากผลการดำเนินงานเติบโตสม่ำเสมอ


คุณค่าบริษัท

พูดถึงหุ้นน่าเลือกลงทุนเชิงรับ ท่ามกลางภาวะชะลอตัวทางเศรษฐกิจรุนแรง ยกให้ บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ  RATCH ถือเป็นหุ้นไฟฟ้าที่น่าสนใจ !!! ด้วยราคาหุ้นที่ฟื้นตัวช้ากว่าตัวอื่น มิหนำซ้ำนับว่าเป็นหุ้นปลอดภัยอีกตัวด้วยปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง เนื่องจากผลการดำเนินงานเติบโตสม่ำเสมอ

อย่างช่วงที่ผ่านมาโดยเฉพาะในปี 2562 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2562 บริษัทมีรายได้รวมทั้งสิ้น 43,220.08 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน 45,083.54 ล้านบาท แต่บริษัทมีกำไรสุทธิขยับขึ้นมาอยู่ที่ 5,963.28 ล้านบาท หรือ 4.11 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อน 5,587.60 ล้านบาท หรือ 3.85 บาทต่อหุ้น

นี่เป็นเพียงตัวอย่างของความสามารถในการสร้างกำไรในช่วงที่ผ่านมา ดังนั้นเมื่อกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น เชื่อว่าอนาคตผลงานของบริษัทยังเติบโตอย่างแน่นนอน “ซึ่งจะแกร่งมากกว่าเดิม”

โดยปัจจุบัน บริษัทมีกำลังการผลิตในมือทั้งหมด 8,655 เมกะวัตต์ ซึ่ง COD ในปี 2562 ไปแล้ว 7,159 เมกะวัตต์ และอยู่ระหว่างพัฒนาอีก 1,496 เมกะวัตต์  ซึ่งหาก COD ได้ตามแผนทั้งหมด สัดส่วนกำลังการผลิตจะแบ่งเป็นประเภท IPP ที่ 7,133 เมกะวัตต์ (83%) ขณะที่ SPP และพลังงานหมุนเวียนอยู่ที่ 362 เมกะวัตต์ (4%) และ 1,160 เมกะวัตต์ (13%) ตามลำดับ

อย่างไรก็ตามทาง RATCH ตั้งเป้ากำลังการผลิตสู่ 10,000 เมกะวัตต์ภายในระยะเวลา 3 ปี หรือภายในปี 2566 จาก ณ สิ้นปี 2562  มีกำลังการผลิตทั้งหมด 8,655 เมกะวัตต์ คิดเป็น CAGR 4 ปี (2562-2566) ที่ 3.7% ต่อปี หรือเพิ่มกำลังผลิตเฉลี่ยราว 700-800 เมกะวัตต์ต่อปี โดยมุ่งเน้นเพิ่มกำลังผลิตในโรงไฟฟ้าพลังงานดั้งเดิม (Coventional) โดยเฉพาะก๊าซ (Gas) และถ่านหิน (Coal) รวมทั้งขยายกำลังการผลิตในโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน (Renewable) ซึ่งในระยะยาวบริษัทตั้งเป้าสัดส่วนกำลังการผลิตที่มาจากส่วนนี้ถึง 20% ของกำลังการผลิตทั้งหมด นอกจากนี้ ยังขยายกำลังการผลิตทั้งในและต่างประเทศ อาทิ ASEAN และประเทศออสเตรเลีย ผ่านการทำดีล M&A และ Greenfield

สิ่งสำคัญทางนักวิเคราะห์มองแนวโน้มกำไรปกติในไตรมาส 1 ปี 2563 คาดเติบโตเด่นจากไตรมาสก่อนเนื่องจากสภาวะอากาศเริ่มเข้าสู่หน้าร้อน ทำให้อัตราการใช้ไฟมากขึ้น ประกอบกับโรงไฟฟ้าหงสากลับมาดำเนินงานปกติ หลังจากหยุดการดำเนินงานไปในช่วงแผ่นดินไหวในไตรมาส 4/2562  และรับรู้รายได้โรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ โครงการ Xe-Pian Xe-Namnoy ประเทศลาว ขนาด 103 เมกะวัตต์ ซึ่ง COD ไปเมื่อเดือน ธ.ค. 2562

พร้อมกับเชื่อว่าเติบโตเด่นจากงวดเดียวกันของปีก่อนเนื่องจากรับรู้รายได้โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ โครงการ Collinsville ประเทศออสเตรเลีย ขนาด 43 เมกะวัตต์ ซึ่ง COD ไปเมื่อเดือน มี.ค. 2562 และรับรู้รายได้โรงไฟฟ้าเบิกไพรโคเจนเนอเรชั่น ขนาด 35 เมกะวัตต์ ซึ่ง COD ไปเมื่อเดือน มิ.ย. 2562

ดังนั้นเชื่อมั่นว่าผลการดำเนินงานในปี 2563 ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่งต่อเนื่อง

นอกจากนี้บล.ทิสโก้ มองว่า RATCH เป็นหุ้นที่น่าสนใจ เนื่องจากราคาหุ้นปัจจุบันคิดเป็น PER ปีนี้ที่ราว 13 เท่า ถูกกว่าครึ่งหนึ่งของหุ้นไฟฟ้าตัวอื่น ๆ ที่มี PER เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 30 เท่า ขณะที่การเติบโตของกำไรปีนี้และปีหน้าอยู่ที่ 14% และ 16% ตามลำดับ

นอกจากนี้ฐานะการเงินแข็งแกร่ง เนื่องจาก D/E น้อยกว่า 1 เท่า และมีปันผลดี 4-5% ต่อปี โดยให้ราคาเป้าหมาย 71 บาท

ผู้ถือหุ้นรายใหญ่

  1. การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย 652,500,000 หุ้น 45.00%
  2. บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด 151,006,960 หุ้น 10.41%
  3. STATE STREET EUROPE LIMITED 41,529,726 หุ้น 2.86%
  4. สำนักงานประกันสังคม 37,225,300 หุ้น 2.57%
  5. SOUTH EAST ASIA UK (TYPE C) NOMINEES LIMITED 35,704,389 หุ้น 2.46%

รายชื่อกรรมการ

  1. นายสุทัศน์ ปัทมสิริวัฒน์ ประธานกรรมการ
  2. นายกิจจา ศรีพัฑฒางกุระ กรรมการผู้จัดการใหญ่, กรรมการ
  3. นายชวน ศิรินันท์พร กรรมการ
  4. นายบุญญนิตย์ วงศ์รักมิตร กรรมการ
  5. น.ส.นันธิกา ทังสุพานิช กรรมการ

Back to top button