MICRO ผนึก “เอเซีย พลัส” โรดโชว์เสนอขายไอพีโอ 235 ล้านหุ้น ปักธงเทรด SET ปีนี้

MICRO ผนึก “เอเซีย พลัส” โรดโชว์เสนอขายไอพีโอ 235 ล้านหุ้น ปักธงเทรด SET ปีนี้


นายวินิตย์ ปิยะเมธาง กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไมโครลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ MICRO ผู้ประกอบธุรกิจให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถบรรทุกมือสอง และสินเชื่อประเภทอื่นที่มีรถบรรทุกมือสองเป็นหลักประกัน เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้จัดงานสรุปข้อมูลการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่นักลงทุนและประชาชนทั่วไป (โรดโชว์) ที่จังหวัดกรุงเทพมหานคร เพื่อแนะนำภาพรวมธุรกิจ และข้อมูลสำคัญสำหรับการลงทุน เพื่อสร้างความเชื่อมั่น

ก่อนเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน (ไอพีโอ) จำนวน 235 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ 1.00 บาทต่อหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 25.13% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้น IPO ในครั้งนี้ โดยมี บริษัท ที่ปรึกษา เอเซีย พลัส จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ในฐานะผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ โดย คาดว่าจะสามารถนำหุ้นของบริษัทฯ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ภายในปี 2563

ทั้งนี้วัตถุประสงค์ของการระดมทุนของ MICRO คือ ใช้เป็นเงินทุนในการขยายธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อ ชำระคืนหนี้เงินกู้ยืมสถาบันการเงิน ลงทุนขยายอาคารสำนักงาน และลงทุนในระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ โดยโครงสร้างผู้ถือหุ้น 3 ลำดับแรก ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2562 ก่อนการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนกลุ่มครอบครัวคุณธรรมศักดิ์ อัชญาวัฒน์ ถือหุ้นร้อยละ 74.6 กลุ่มครอบครัวจิโรธนภาส ถือหุ้นร้อยละ 6 กลุ่มครอบครัวเติมคุนานนท์ ถือหุ้นร้อยละ 5 โดยภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่นักลงทุนและประชาชนทั่วไปสัดส่วนการถือหุ้นจะลดลงเหลือร้อยละ 55.8 4.5 และ 3.8 ตามลำดับ

สำหรับภาพรวมธุรกิจ MICRO เป็นหนึ่งในผู้นำในการให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถบรรทุกมือสองของประเทศ ด้วยประสบการณ์และความชำนาญในการดำเนินธุรกิจมาเป็นเวลากว่า 25 ปี ประกอบธุรกิจให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถบรรทุกมือสอง เช่น รถบรรทุก 6 ล้อ 10 ล้อ 12 ล้อ และรถพ่วงมือสอง สำหรับใช้ในการประกอบธุรกิจ

นอกจากนี้ บริษัทยังให้บริการสินเชื่อรถเชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่ประเภทอื่น เช่น  รถหัวลาก และรถบรรทุกเฉพาะกิจต่างๆ เพื่อให้บริการแก่กลุ่มลูกค้าที่กว้างขึ้น บริษัทมุ่งเน้นให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถบรรทุกมือสองเฉพาะรุ่นและยี่ห้อที่มีตลาดซื้อขายรองรับ เช่น อีซูซุ (ISUZU) ฮีโน่ (HINO) และฟูโซ่ (FUSO) เป็นต้น โดยมีระยะของสัญญาเช่าซื้อระหว่าง 12 – 60 เดือน มีอัตราดอกเบี้ยเช่าซื้อ (Flat Rate) อยู่ระหว่าง 8-15% ต่อปี

โดยธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อรถบรรทุกมือสองถือเป็นธุรกิจหลักของบริษัท ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 95 ของยอดจัดสินเชื่อทั้งหมดในแต่ละปี รถบรรทุกที่เช่าซื้อส่วนใหญ่เป็นรถที่ใช้ในการดำเนินงานเชิงพาณิชย์ จึงสามารถสร้างรายได้เพื่อนำเงินมาชำระเงินต้นและดอกเบี้ยตามสัญญาได้อย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ บริษัทยังให้บริการทางการเงินหรือสินเชื่อในรูปแบบอื่นๆ เพื่อตอบสนองความต้องการทางการเงินของลูกค้า เช่น สินเชื่อเพิ่มสภาพคล่อง ซึ่งเป็นสินเชื่อที่มีทะเบียนรถบรรทุกแบบโอนเล่มเป็นหลักประกัน เพื่อต่อยอดจากการให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อ และสินเชื่อรีไฟแนนซ์ (Refinance) สำหรับลูกค้าปัจจุบันที่มีประวัติการผ่อนชำระดี ที่มีความต้องการเพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน บริษัทยังให้บริการอื่นที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจเช่าซื้อซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัท เช่น การประสานงานเพื่อต่ออายุประกันภัยและ พรบ. (การประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ) เป็นต้น

บริษัทจัดหาลูกค้าผ่านเครือข่ายผู้ประกอบการเต็นท์รถบรรทุกมือสองเป็นหลักซึ่งมีเครือข่ายรวมกว่า 350 ราย และเครือข่ายนายหน้าจัดหาลูกค้าอีกกว่า 90 ราย นอกจากนี้ ลูกค้าสามารถติดต่อขอรับบริการสินเชื่อได้ที่สำนักงานสาขาของบริษัท ซึ่งในปัจจุบันมีจำนวนทั้งสิ้น 12 สาขา ในทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ

โดยปัจจุบัน MICRO มีทุนจดทะเบียนจำนวน 935 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 935 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ 1.00 บาทต่อหุ้น มีทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 700 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 700 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท โดยภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญให้แก่ประชาชน ทุนจดทะเบียนชำระแล้วของบริษัทฯ จะเพิ่มขึ้นเป็น 935 ล้านบาท นโยบายการจ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้และหลังหักสำรองต่างๆ ทุกประเภทตามกฎหมายกำหนด

นายเล็ก สิขรวิทย กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ที่ปรึกษา เอเซีย พลัส จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน เปิดเผยถึง การนำเสนอข้อมูลต่อนักลงทุน (โรดโชว์) ในครั้งนี้ เพื่อให้นักลงทุนมีความเข้าใจในธุรกิจ เห็นถึงศักยภาพการเติบโตของบริษัทฯ ที่มีความแข็งแกร่ง และโอกาสการเติบโตในอนาคต

โดยจุดแข็งของ MICRO เป็นหนึ่งในผู้นำตลาดสินเชื่อเช่าซื้อรถบรรทุกมือสองรายใหญ่ของประเทศ พอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อของบริษัทฯ มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมทั้ง มีเครือข่ายผู้ประกอบการเต็นท์รถบรรทุกมือสอง และนายหน้าจากทั่วประเทศรวมเกือบ 450 ราย มีทีมบุคลากรที่มีความแข็งแกร่ง มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในธุรกิจ ทั้งด้านการตลาด การวิเคราะห์สินเชื่อ การตรวจสอบสภาพการใช้งานรถบรรทุกมือสอง รวมถึงการติดตามเร่งรัดหนี้ ซึ่งเป็นปัจจัยความสำเร็จที่สำคัญในธุรกิจสินเชื่อรถบรรทุกมือสอง และด้วยระบบการตรวจสอบสินเชื่อที่เป็นมาตรฐานเดียวกับผู้ให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรายใหญ่อื่นๆ มีระบบการติดตามหนี้ที่มีประสิทธิภาพ ช่วยส่งเสริมให้สัดส่วนลูกหนี้ NPL ลดลงอย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับการกระจายพอร์ตสินเชื่อที่หลากหลายรองรับการกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจ

อีกทั้ง ธุรกิจของ MICRO เป็นธุรกิจที่การแข่งขันไม่รุนแรง อุตสาหกรรมเติบโตแม้ในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว อัตราดอกเบี้ยรับสูง มีการครอบคลุมความเสี่ยงและค่าใช้จ่าย มีรายได้และกำไรเติบโตอย่างต่อเนื่อง และความสามารถในการทำกำไรที่ดี

โครงสร้างรายได้ของบริษัทฯ รายได้หลักมาจากรายได้ดอกเบี้ยรับตามสัญญาเช่าซื้อร้อยละ 84 รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการต่างๆ จากการให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อ ร้อยละ 14 และรายได้อื่นๆ ร้อยละ 2  ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา บริษัทฯ มุ่งมั่นที่จะนำเสนอบริการเพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้า ส่งผลให้ได้รับความไว้วางใจทั้งจากลูกค้าผู้ประกอบการเพิ่มมากขึ้น สอดคล้องกับผลประกอบการของกลุ่มบริษัทฯ มีการเติบโตต่อเนื่อง

โดยบริษัทมีรายได้รวมในปี 2560 – 2562 จำนวน 227.0 ล้านบาท 258.6 ล้านบาท และ 330.2 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นอัตราการเติบโตของรายได้ (Compound Annual Growth Rate: CAGR) ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาเท่ากับร้อยละ 24.4 ต่อปี รายได้ส่วนใหญ่ของบริษัทเป็นรายได้ดอกเบี้ยรับจากสัญญาเช่าซื้อ ซึ่งเพิ่มขึ้นตามการเติบโตของพอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อของบริษัท จากการที่บริษัทมุ่งเน้นดูแลรักษาฐานลูกค้าเดิมรวมถึงการขยายฐานลูกค้าใหม่ผ่านการเพิ่มจำนวนสาขาและพนักงานสินเชื่อ ประกอบกับการขยายเครือข่ายผู้ประกอบการเต็นท์รถบรรทุกมือสองซึ่งเป็นช่องทางการจัดหาลูกค้าที่สำคัญของบริษัท  และในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2562 และ 2563 จำนวน 147.7 ล้านบาท และ 202.5 ล้านบาท ตามลำดับ

กำไรสุทธิของบริษัทสำหรับปี 2560 – 2562 มีจำนวน 60.8 ล้านบาท 89.9 ล้านบาท และ 110.8 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิเท่ากับร้อยละ 26.8 ร้อยละ 34.8 และร้อยละ 33.5 ตามลำดับ คิดเป็นอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิ (CAGR) ที่สูงถึงร้อยละ 30.6 ต่อปี ซึ่งแสดงถึงความสามารถในการทำกำไรของบริษัท และในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2562 – 2563 บริษัทมีกำไรสุทธิเท่ากับ 41.1 ล้านบาท และ 62.5 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิเท่ากับร้อยละ 27.8 และร้อยละ 30.8 ตามลำดับ กำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้นสอดคล้องกับรายได้ดอกเบี้ยเช่าซื้อที่เพิ่มขึ้น

ณ วันที่ 30 กันยายน 2562 บริษัทมีบัญชีลูกหนี้จำนวนทั้งสิ้น 3,701 สัญญา และมียอดลูกหนี้เช่าซื้อคงเหลือ (ก่อนหักค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ) จำนวน 1,852.7 ล้านบาท ยอดจัดสินเชื่อตามภูมิภาคในพื้นที่ให้บริการหลักที่ภาคกลาง สัดส่วนกว่า 53% รองลงมาคือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือกว่า 21% และมีสัดส่วนหลักประกันเป็นรถ 10 ล้อ / 12 ล้อ สัดส่วนสูงสุดของพอร์ตราว 45%

Back to top button