ZIGA ดีดแรง 10% “นิวไฮ” รอบ 2 ปี โบรกเชียร์ “ซื้อ” ชี้กำไรปีนี้โตกระฉูดเกือบ 2 เท่าตัว!

ZIGA ดีดแรง 10% “นิวไฮ” รอบ 2 ปี โบรกเชียร์ “ซื้อ” ชี้กำไรปีนี้โตกระฉูดเกือบ 2 เท่าตัว!


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้นบริษัท ซิก้า อินโนเวชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ZIGA ณ เวลา 10.37 น. อยู่ที่ระดับ 2.90 บาท บวก 0.26 บาท หรือ 9.85% สูงสุดที่ระดับ 2.94 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 2.68 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 30.72 ล้านบาท โดยราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นทำจุดสูงสุดอีกครั้งในรอบ 2 ปี นับตั้งแต่ราคาปิดที่ระดับ 2.90 บาท เมื่อวันที่ 5 พ.ย. 61

ด้าน บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 3.20 บาท/หุ้น โดยคาดกำไรปี 2563 เติบโตเกิน 189% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้กำไรไตรมาส 4/63 จะอ่อนตัวลงจากวันหยุดยาวในเดือน ธ.ค. ปัจจุบัน ZIGA มีฐานสมาชิก line official กว่า 5 หมื่นราย และ Facebook กว่า 3 หมื่นราย หนุนการเติบโตของยอดขายออนไลน์อย่างก้าวกระโดด

ส่วนกลุ่มร้านค้าปลีกตามหัวเมืองใหญ่มีการสั่งซื้อท่อเหล็กกัวลาไนซ์และสินค้า New Product จาก ZIGA ไปจำหน่ายโดยตรงเพิ่มมากขึ้น  นอกจากนี้สินค้าของ ZIGA ผ่านร้าน Modern Trade ได้รับความนิยมมากขึ้น เพราะท่อเหล็กกัลวาไนซ์ของแบรนด์ ZIGA เป็นที่ยอมรับของตลาดถึงความทนทาน

รวมถึงท่อเหล็กแบรนด์ ZIGA ทุกประเภทเป็นท่อเหล็กกัลวาไนซ์ 100% ซึ่งยังไม่มีคู่แข่งรายใดที่ผลิตท่อเหล็กทุกประเภทเป็นท่อกัลวาไนซ์ ขณะที่งวดไตรมาส 4/63 คาดวันหยุดยาวในเดือนธ.ค. จะฉุดให้ยอดขายอ่อนตัวจากไตรมาสก่อน แม้ ZIGA มีแผนเริ่มขายสินค้าผ่าน Shopee และ Lazada  ส่งผลให้คาดกำไรทั้งปี 2563 จะอยู่ที่ 102 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 189% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

พร้อมกันนี้ ประเมินปี 2564 และ ปี 2565 จะเติบโตต่อเนื่องจากเพิ่ม Outlet ปีละ 60 สาขา และ New Product  ในต้นปี 2564 จะเปิดโรงงานเฟส 3 เพื่อผลิตสินค้าใหม่ของแบรนด์ DAIWA คือ ท่อ Flex ร้อยสายไฟ ท่อประปากัลวาไนซ์ ซึ่งจะทำให้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 1.3 แสนตันต่อปี และมีพื้นที่คลังสินค้าเพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ ZIGA ยังมีแผนเปิด Outlet ขายสินค้าของแบรนด์ ZIGA ในปี 64 และ 65 ปีละ 60 สาขา โดยจะเป็นรูปสาขาแฟรนด์ไชส์ทั้งหมด แต่เป็นทำเลที่ทาง ZIGA เลือกให้เช่นในพื้นที่เช่าของร้าน Dynasty Ceramic โดยจังหวัดแรกที่จะบุกคือโคราช รองลงมาคือเชียงใหม่ ซึ่งคาดจะต่อยอดให้กำไรปี 64 เติบโตอีก 22% ส่วนปี 2565 ผลิตภัณฑ์ที่มีแผนผลิตเพิ่มคือท่อทังสเตน

ทั้งนี้ ประเมินมูลค่าด้วยวิธี GGM กำหนด ROE 14% Long-term Growth ที่ 3.5% Dividend Payout Ratio ที่ 50%  Cost of Equity ที่ 9% ได้ 1.83 เท่า ของ BV64F ราคาเป้าหมายปี 2564 ที่ 3.20 บาท มี upside 37.9% บวกกับ Dividend Yield ที่สูงราว 4.7% แนะนำ “ซื้อลงทุน”

Back to top button