LH FUND ส่งกองหุ้นขนาดกลาง-เล็กทั้งตลาด SET-mai มองโอกาสโตสูง

นายมนรัฐ ผดุงสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท หลักทรัพย์ จัดการ กองทุน แลนด์ แอนด์ เฮ้า ส์ จำกัด หรือ LH FUND เปิดเผยว่า บริษัทตอบรับกับโอกาสการลงทุนในหุ้นไทยช่วงนี้ ด้วยการเปิดเสนอขายกองทุนเปิด แอล เอช มีเดียม สมอล แคป อิควิตี้ (LHMSEQ) ครั้งแรก (IPO) ตั้งแต่วันนี้-20 ก.ค.58 โดยกองทุนจะลงทุนในตราสารทุนของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯและ/หรือตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) โดยจะเน้นลงทุนในหุ้นของบริษัทขนาดกลางและขนาดเล็กที่มีศักยภาพในการเติบโตทางธุรกิจสูง เฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของ NAV โดย LHMSEQ จะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติ ไม่เกินปีละ 6 ครั้ง


นายมนรัฐ ผดุงสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท หลักทรัพย์ จัดการ กองทุน แลนด์ แอนด์ เฮ้า ส์ จำกัด หรือ LH FUND เปิดเผยว่า บริษัทตอบรับกับโอกาสการลงทุนในหุ้นไทยช่วงนี้ ด้วยการเปิดเสนอขายกองทุนเปิด แอล เอช มีเดียม สมอล แคป อิควิตี้ (LHMSEQ) ครั้งแรก (IPO) ตั้งแต่วันนี้-20 ก.ค.58 โดยกองทุนจะลงทุนในตราสารทุนของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯและ/หรือตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) โดยจะเน้นลงทุนในหุ้นของบริษัทขนาดกลางและขนาดเล็กที่มีศักยภาพในการเติบโตทางธุรกิจสูง เฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของ NAV โดย LHMSEQ จะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติ ไม่เกินปีละ 6 ครั้ง

ปัจจัยที่สนับสนุนให้ LH FUND ออกกองหุ้น LHMSEQ คือการเติบโตของกำไรสุทธิต่อหุ้นของบริษัทขนาดกลางและเล็กคาดว่าจะดีกว่าหุ้นของบริษัทขนาดใหญ่ เนื่องจากหุ้นขนาดกลางและเล็กมีสัดส่วนนักลงทุนต่างชาติถือครองอยู่ในระดับต่ำ ทำให้ความผันผวนของราคาหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนของ นักลงทุนต่างชาติอยู่ในระดับต่ำ จึงสามารถลดความเสี่ยงเรื่องการเคลื่อนไหวของนักลงทุนต่างชาติไปได้ และมูลค่าหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กไม่ได้แพงไปกว่าหุ้นขนาดใหญ่ จึงมีโอกาสของอัตราการเติบโตของกำไรในอนาคตที่น่าสนใจ

ทั้งนี้ LH FUND ยังคงมีมุมมองต่อการลงทุนในตลาดหุ้นไทยในเชิงบวก แม้ในระยะสั้นตลาดอาจมีความผันผวนจากความกังวลของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐ ความไม่ชัดเจนต่อปัญหาหนี้ของกรีซและความกังวลเกี่ยวกับฟองสบู่แตกของจีนอยู่บ้าง แต่มองว่าการลงทุนภาครัฐจะมากขึ้นในครึ่งปีหลัง 58 ขณะที่การเบิกจ่ายภาครัฐจะสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

ดังนั้น จึงมองว่าระดับดัชนีในปัจจุบันได้สะท้อนถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจแล้ว โดยประเด็นที่ตลาดคาดหวังในระยะถัดไปคือโครงการโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐต่อเนื่องไปที่การฟื้นตัวของยอดสินเชื่อ และการฟื้นตัวของความต้องการบริโภคในประเทศ การจัดสรรการลงทุนในครึ่งหลังของปี 58 จะเน้นลงทุนในหลักทรัพย์ที่ได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศมากขึ้น เช่น กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง กลุ่มธนาคารและการเงินและกลุ่มท่องเที่ยว เป็นต้น

 

               

Back to top button