สแกนงบ Q2 หุ้น “อิเล็กทรอนิกส์” ชู KCE ตัวเต็งกำไรโตแรง 6 เท่า!

สแกนงบไตรมาส 2/2564 กลุ่มหุ้นอิเล็กทรอนิกส์ ชู KCE ตัวเต็งกำไรโตแรง 6 เท่า แตะ 530 ลบ. รับยอดขายขยายตัว-อานิสงส์ค่าเงินบาทอ่อน


ในช่วงที่ผ่านมาจะเป็นได้ว่าราคาหุ้นกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ปรับตัวขึ้น อีกทั้งยังเริ่มเข้าสู่ฟดูกาลแห่งการประกาศผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2/2564 ของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ดันนั้น ทีมข่าว “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” จึงทำการรวบรวมข้อมูลและบทวิเคราะห์เกี่ยวกับหุ้นชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่มีการคาดการณ์ว่าจะทำผลงานไตรมาส 2/2564 ออกมาได้โดดเด่นมาเป็นทางเลือกในการเข้าลงทุน โดยบทวิเคราะได้ระบุไว้ดังนี้

โดย บริษัทหลักทรัพย์เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์คาดว่ากำไรจากธุรกิจหลักรวมในไตรมาส 2/2564 ของบริษัทในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ที่บล.เคจีไอฯ ศึกษาอยู่ ประกอบด้วย DELTA, HANA, KCE และ SVI จะอยู่ที่ 2.9 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% เมื่อเทียบจากปีก่อน และเพิ่มขึ้น 19% เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน ซึ่งจะทำให้กำไรจากธุรกิจหลักในครึ่งปีแรกปี 2564 อยู่ที่ 5.4 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 27% เมื่อเทียบจากปีก่อน จากยอดขายที่แข็งแกร่ง และอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้น

ทั้งนี้คาดว่ายอดขายในสกุลดอลลาร์ฯ ของทุกบริษัทจะเพิ่มขึ้นทั้งเมื่อเทียบจากปีก่อน และเมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน เช่นเดียวกับอัตรากำไรขั้นต้นที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน โดยคาดว่ากำไรของ KCE จะเติบโตสูงที่สุดเมื่อเทียบจากปีก่อน ทั้งนี้ คาดว่า KCE จะเพียงบริษัทเดียวในกลุ่มที่ทั้งยอดขาย และอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นทั้งเมื่อเทียบจากปีก่อน และเมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน

โดยบริษัท เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ KCE คาดกำไรจากธุรกิจหลักในไตรมาส 2/2564 จะอยู่ที่ 530 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 624% เมื่อเทียบจากปีก่อน และเพิ่มขึ้น 23% เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน ทำให้กำไรจากธุรกิจหลักในครึ่งปีแรกปี 2564 อยู่ที่ 961 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 129% เมื่อเทียบจากปีก่อน จากผลของฐานที่ต่ำ (เนื่องจากมีการใช้มาตรการ lockdown ทั่วโลกในไตรมาส 2/2564) ทั้งนี้ยอดขายของ KCE ในไตรมาส 2/2564 จะอยู่ที่ 3.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 76% เมื่อเทียบจากปีก่อน และเพิ่มขึ้น 9% เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน ซึ่งจะทำให้ยอดขายในงวดครึ่งปีแรกปี 2564 อยู่ที่ 7.2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 33% เมื่อเทียบจากปีก่อน

อย่างไรก็ดีหากไม่รวมผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนคาดว่ายอดขายในไตรมาส 2/2564 จะอยู่ที่ 119 ล้านดอลลาร์ฯ เพิ่มขึ้น 78% เมื่อเทียบจากปีก่อน และเพิ่มขึ้น 5% เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน ซึ่งจะทำให้ยอดขายในงวดครึ่งปีแรกปี 2564 อยู่ที่ 233 ล้านดอลลาร์ฯเพิ่มขึ้น 35% เมื่อเทียบจากปีก่อน จากฐานที่ต่ำ และอุปสงค์ที่แข็งแกร่ง คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะอยู่ที่ 26.8% เพิ่มขึ้นเนื่องจากเงินบาทอ่อนค่าลง และมีการปรับราคาขาย ซึ่งมีผลตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2564 ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นในงวดครึ่งปีแรกปี 2564 อยู่ที่ 25.9% ปรับเพิ่มราคาเป้าหมาย KCE สิ้นปี 2565 เป็น 80 บาท จากเดิม 68 บาท อิงจาก PER ที่ 36 เท่า

ส่วน บริษัท ฮานา ไมโครอิเล็คโทรนิคส จำกัด (มหาชน) หรือ HANA คาดว่ากำไรจากธุรกิจหลักในไตรมาส 2/2564 จะอยู่ที่ 552 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16% เมื่อเทียบจากปีก่อน และ 34% เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน จากยอดขายที่เพิ่มขึ้นเพราะอุปสงค์ที่แข็งแกร่งจากฐานที่ต่ำ และอัตรากำไรที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้กำไรจากธุรกิจหลักในครึ่งปีหลังปี 2564 อยู่ที่ 965 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1% เมื่อเทียบจากปีก่อน

ขณะที่ยอดขายของ HANA ในไตรมาส 2/2564 คาดจะอยู่ที่ 5.6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 23% เมื่อเทียบจากปีก่อน และเพิ่มขึ้น 8% เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน แต่หากไม่รวมผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน คาดว่ายอดขายในไตรมาส 2/2564 คาดจะอยู่ที่ 180 ล้านดอลลาร์ฯ เพิ่มขึ้น 25% เมื่อเทียบจากปีก่อน และเพิ่มขึ้น 5% เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน ซึ่งทำให้ยอดขายในครึ่งปีแรกปี 2564 อยู่ที่ 352 ล้านดอลลาร์ฯ เพิ่มขึ้น 21% เมื่อเทียบจากปีก่อน) คิดว่ายอดขายที่แข็งแกร่งเป็นเพราะอุปสงค์จากกลุ่มยานยนต์, cloud computing และ smartphones (จากเทคโนโลยี 5G) ในช่วงที่คนส่วนใหญ่ต้องทำงานจากที่บ้าน (WFH) คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะอยู่ที่ 14.2% สะท้อนถึงการอ่อนค่าของเงินบาท และปรับเพิ่มราคาเป้าหมาย HANA สิ้นปี 2565 เป็น 66 บาท จากเดิม 56 บาท อิงจาก PER ที่ 20 เท่า

เช่นเดียวกับ บริษัท เอสวีไอ จำกัด (มหาชน) หรือ SVI คาดว่ากำไรจากธุรกิจหลักของ SVI ในไตรมาส 2/2564 จะอยู่ที่ 148 ล้านบาท ลดลง 9% เมื่อเทียบจากปีก่อน  แต่เพิ่มขึ้น 22% เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน  ซึ่งจะทำให้กำไรจากธุรกิจหลักในงวดครึ่งปีแรกปี 2564 อยู่ที่ 269 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17% เมื่อเทียบจากปีก่อน โดยกำไรที่ลดลงเมื่อเทียบจากปีก่อน จะเป็นเพราะค่าใช้จ่าย SG&A กลับสู่ระดับปกติ ในขณะที่กำไรที่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน จะเป็นเพราะอุปสงค์เพิ่มขึ้น และอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเนื่องจากเงินบาทอ่อนค่าลง

ส่วนบริษัทหลักทรัพย์ คันทรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ บล.คันทรี่กรุ๊ป ระบุในบทวิเคราะห์ (12 ก.ค.2564) ว่า คาด KCE รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2564 ที่ 531 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 644% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 6% เทียบไตรมาสก่อนหน้า โดยมีปัจจัยผลักดันหลักมาจากรายได้ที่ขยายตัวสู่ 3.6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 71% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน จากฐานที่ต่ำในปี 2563 และ เพิ่มขึ้น 7% เทียบไตรมาสก่อนหน้า ตามจำนวนวันดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นและการปรับขึ้นราคา แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 90 บาท

อนึ่งวานนี้ (23 ก.ค.) บริษัทเดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA รายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2/2564 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1.66 พันล้านบาท ลดลง 18% เมื่อเทียบจากปีก่อนมีกำไรสุทธิ 2.02 พันล้านบาท ส่วนงวดครึ่งแรกปี 2564 มีกำไรสุทธิ 3.41 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 19% เมื่อเทียบจากปีก่อนมีกำไรสุทธิ 2.88 พันล้านบาท

โดยยอดขายสินค้าและบริการในไตรมาสนี้อยู่ที่ 20,640 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 41.2 จากไตรมาสเดียวกนัของปีก่อน เนื่องจากความต้องการของลูกค้าในกลุ่มโซลูชั่ยสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle Solutions) ที่เพิ่มขึ้นสูง ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (รวมการวิจัยและพัฒนา) มีจำนวน 2,731 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 47.7 จากไตรมาสเดียวกนัของปีก่อน และร้อยละ 14.6 จากไตรมาสก่อน เนื่องจากต้นทุนค่าขนส่งเพิมขึ้นอย่างมาก รวมถึงการเพิ่มขึ้นของกิจกรรมด้านวิจัยและพัฒนาในยุโรป

 

Back to top button