“บล.ไทยพาณิชย์” แนะสอย 5 หุ้นกลาง-เล็ก-กลุ่มรพ. ลุ้นกำไร Q2-Q3 โตเด่น

“บล.ไทยพาณิชย์” แนะสอย 5 หุ้นกลาง-เล็ก-กลุ่มรพ. ลุ้นกำไรไตรมาส 2-ไตรมาส 3/2564 โตเด่น วางกรอบสัปดาห์นี้ 1,500-1,540 จุด


นายเอกภาวิน สุนทราภิชาติ ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด (SCBS) เปิดเผยผ่านรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” ว่า แนวโน้มตลาดหุ้นสัปดาห์นี้คาดฟื้นตัวได้จำกัด และโมเมนตัมการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องอาจจะยังถูกจำกัดอยู่กรอบบนบริเวณ 1540 จุด เนื่องจากตลาดขาดปัจจัยหนุนในช่วงนี้

อีกทั้งปัจจัยกดดันหลักยังมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ในประเทศ และหลายพื้นที่ยังมีผู้ติดเชื้อเร่งตัวขึ้น นอกจากนี้ค่าเงินบาทอ่อนค่าต่อเนื่องเป็นตัวที่กดดันทิศทางฟันด์โฟลให้ไหลออก โดยเห็นได้ว่าต่างชาติขายสุทธิมาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เงินบาทอ่อนค่า

ดังนั้นแนวโน้มตลาดหุ้นสัปดาห์นี้คาดเคลื่อนไหวเหมือนสัปดาห์ก่อน คือ “ไซด์เวย์ดาวน์” โดยมองการเคลื่อนไหวของดัชนีอยู่ในกรอบจำกัดแถวระดับ 1540 จุด และมีดาวน์ไซด์ปรับตัวลงบริเวณ 1514 จุด และหากหลุดระดับดังกล่าวมีโอกาสลงไปมาทดสอบระดับ 1500 จุด

สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในสัปดาห์นี้ แนะนำเน้นหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลและหุ้นขนาดกลาง-เล็กน่าสนใจ จากราคาหุ้นพักตัวในระยะนี้เป็นโอกาสเข้าซื้อ เนื่องจากแนวโน้มกำไรในไตรมาส 2/2564 จะเติบโตทั้งเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และเทียบไตรมาสก่อนหน้า และเติบโตต่อเนื่องในไตรมาส 3/2564 เนื่องจากได้ประโยชน์จากการรับตรวจโควิด-19 และการเข้ารักษาตัวผู้ป่วย อาทิ CHG,BCH และ BDMS ราคายังแลกการ์ด(Laggard) เป็นโอกาสในการเข้าซื้อ

ด้านหุ้นขนาดกลาง-เล็กแนวโน้มกำไรดีทั้งไตรมาส 2/2564 และต่อเนื่องไตรมาส 3/2564 อาทิ SFT,ZIGA โดยราคาหุ้นพักตัวมาสักระยะแล้วการปรับตัวมีโอกาสขึ้นทดสอบระดับสูงสุดเดิม โดย SFT ให้แนวรับอยู่ที่ 6.6 บาท แนวต้านระดับ 7.40 บาท และแนวต้านถัดไป 7.50 บาท และตัดขาดทุนที่ระดับ 6.25 บาท  ส่วน ZIGA ให้แนวรับอยู่ที่ 5.50 บาท แนวต้านระดับ 6.70 บาท และแนวต้านถัดไป 7.35 บาท และตัดขาดทุนที่ระดับ 5.15 บาท 

ด้านกลุ่มหุ้นที่ได้ประโยชน์จากเงินบาทอ่อนค่าในรอบ 3 ปี แนะนำเก็งกำไรหุ้นส่งออกอาทิ TU ยังน่าสนใจ ส่วนกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์แนะนำ KCE,HANA โดยเฉพาะ KCE แนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2564 ออกมาโดดเด่นสุดในกลุ่ม เชื่อว่าราคามีโอกาสได้ปัจจัยหนุนทั้งเงินบาทอ่อนค่า และผลการดำเนินงานจะประกาศออกมาด้วย

ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานราคาน้ำมันช่วงนี้ปรับตัวลงแรงช่วงนี้ โดยกลยุทธ์ได้แนะนำลดน้ำหนักลงทุนมาสักระยะ เนื่องจากเสี่ยงการปรับฐานจากแรงซื้อเก็งกำไรจากก่อนหน้านี้ อีกทั้งประการแรกกลุ่มโอเปกพลัสจะเพิ่มกำลังการผลิต และประการที่สองเป็นเรื่องความกังวลอุปสงค์เนื่องจากโควิด-19 สายพันธุ์เดลต้ากลับมาระบาดหนักในหลายพื้นที่ และเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าต่อเนื่อง เป็นปัจจัยที่กดดันราคาสินค้าโภคภัณฑ์ให้เป็นช่วงของการปรับฐาน

อย่างไรก็ตามแม้ว่ากลุ่มน้ำมัน-โรงกลั่น-ปิโตรเคมีผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2564 จะออกมาดี แต่ตลาดมองการเปลี่ยนแปลงของราคาน้ำมันเป็นหลัก และมองว่าดาวไซด์ของทิศทางราคาน้ำมันยังมีโอกาสปรับตัวลง ดังนั้นจึงแนะนำลดน้ำหนักและหลีกเลี่ยงการลงทุนในช่วงนี้ไปก่อน

Back to top button