ADD ครึ่งปีแรกอวดกำไร 51 ลบ. บอร์ดไฟเขียวปันผล 0.18 บ./หุ้น XD 24 ส.ค.นี้

ADD อวดงบครึ่งปีแรกกำไรพุ่ง 62% แตะ 51 ลบ. บอร์ดอนุมัติจ่ายปันผล 0.18 บ./หุ้น ขึ้น XD วันที่ 24 ส.ค. 64 และจ่ายปันผลวันที่ 9 ก.ย. 64 ส่วนภาพรวมธุรกิจครึ่งปีหลัง มีแนวโน้มปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น


นายชวัล บุญประกอบศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดเทค ฮับ จำกัด (มหาชน) หรือ ADD ดำเนินธุรกิจผู้ให้บริการระบบสนับสนุนบริการดิจิทัลคอนเทนต์บนโทรศัพท์เคลื่อนที่และให้บริการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ เปิดเผยผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนของปี 2564 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2564 ว่าบริษัทฯมีรายได้จากการให้บริการรวม เท่ากับ 262.80 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 113.60 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตร้อยละ 76.10 เมื่อเทียบจากปีก่อนที่มีรายได้ 149.20 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 51.10 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.60 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตร้อยละ 62.20 เมื่อเทียบจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 31.50 ล้านบาท

ขณะที่ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2564 บริษัทฯ มีรายได้รวมจากการให้บริการ เท่ากับ 128 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 73.70 อีกทั้งกำไรสุทธิอยู่ที่ 24.50 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 64 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ทั้งนี้การปรับตัวเพิ่มขึ้นมาจากการขยายตัวของ 3 กลุ่มธุรกิจหลัก (1) การให้บริการดิจิทัลคอนเทนต์ผ่านช่องทางโทรคมนาคม มีรายได้รวมเท่ากับ 226 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทฯ มีการเพิ่มคู่ค้าด้านการตลาดในช่องทางออนไลน์ซึ่งสามารถเข้าถึงกลุ่มผู้ใช้โทรศัพท์ที่มีความหลากหลายมากขึ้น และมีกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 61.20 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 78.50 เทียบกับปีก่อน ขณะเดียวกันบริษัทฯ มีอัตรากำไรขั้นต้นลดลงตามต้นทุนส่วนใหญ่ที่เป็นต้นทุนมาจากส่วนแบ่งรายได้ให้แก่คู่ค้าด้านการตลาดซึ่งจะแปรผันไปตามรายได้ และคู่ค้าด้านการตลาดรายใหม่ในช่องทางออนไลน์มีอัตราส่วนแบ่งรายได้ที่สูงขึ้น

อีกทั้ง (2) การให้บริการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศสำหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เท่ากับ 36.60 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 20.80 เทียบกับปีก่อน เนื่องจากบริษัทฯมีการให้บริการโครงการใหม่แก่ลูกค้ากลุ่มผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ และมีกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 23 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.80 เทียบกับปีก่อนโดยอัตรากำไรขั้นต้นลดลงเนื่องจากต้นทุนค่าบริการคลาวด์เซิร์ฟเวอร์และต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับพนักงานเพิ่มขึ้นรวม 3.70 ล้านบาท และ (3) การให้บริการโฆษณาผ่านอินเทอร์เน็ตสำหรับสินค้าและบริการอยู่ที่ 0.20 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 27.50 เทียบกับปีก่อน เนื่องจากลูกค้ากลุ่มผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์มีการใช้จ่ายด้านสื่อโฆษณาลดลงตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 และมีขาดทุนขั้นต้น 1.20 ล้านบาท เนื่องจากต้นทุนส่วนใหญ่เป็นต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับพนักงานซึ่งเป็นต้นทุนคงที่

“ภาพรวมของตลาดบริการ Digital ในปี 2564 คาดว่าจะมีการเติบโตร้อยละ 13.2 และมีมูลค่าตลาดรวมที่ 231,220 ล้านบาท จากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และมาตรการล็อกดาวน์ ทำให้สังคมไทยเข้าสู่ยุคดิจิทัลเร็วขึ้น ส่งผลให้การให้บริการออนไลน์ต่างๆ เพิ่มมากขึ้นในทุกอุตสาหกรรม ทุกภาคบริการภายใต้การขยายการให้บริการโครงข่ายการสื่อสาร 4G  ของผู้ประกอบการโทรคมนาคม และอุปกรณ์สมาร์ทโฟนที่เอื้ออำนวยให้เกิดการใช้ดิจิทัลในทุกวงกว้างมากขึ้นเพิ่มความสะดวกสบายและรวดเร็วให้กับลูกค้า รวมถึงการลงทุนเครือข่าย 5G ถือเป็นโครงข่ายความเร็วสูงที่เป็นปัจจัยส่งเสริมให้เกิดการใช้งานได้จริงในอนาคต หนุนให้มีการพัฒนาแพลตฟอร์ม Digital Content ใหม่ๆ ออกมารองรับความต้องการของผู้บริโภค โดยเฉพาะการใช้บริการ Digital Content ในรูปแบบการสมัครสมาชิก ซึ่งจากปัจจัยดังกล่าวเป็นตัวสนับสนุนให้ภาพรวมธุรกิจในครึ่งปีแรกเติบโตอย่างโดดเด่น” นายชวัล กล่าว

อย่างไรก็ดีที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติจ่ายปันผลงวด 6 เดือนแรกปี 2564 (ม.ค.- มิ.ย. 2564) ในอัตราหุ้นละ 0.18 บาท รวมเป็นเงินปันผลทั้งหมด28.80 ล้านบาทโดยวันกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record date) วันที่ 25 สิงหาคม 2564 และวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 24 สิงหาคม 2564 เพื่อดำเนินการจ่ายปันผลในวันที่ 9 กันยายน 2564

นอกจากนี้ภาพรวมธุรกิจของบริษัทฯ ในครึ่งปีหลัง 2564 ยังคงมีแนวโน้มปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น ทั้งนี้เป็นผลจากปัจจัยหนุนจากความต้องการใช้บริการดิจิทัลคอนเทนต์ (Digital Content) ที่ปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงได้รับอานิสงส์จากระบบชำระเงินค่าบริการหรือสินค้าผ่านผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ (Carrier Billing) ที่โอเปอเรเตอร์พยายามให้ลูกค้าหันมาจ่ายค่าคอนเทนต์ผ่านซิมมือถือ โดยจะทำให้ได้ส่วนแบ่งจากผู้ผลิตคอนเทนต์มากขึ้นก็จะเป็นผลดีต่อบริษัทฯ ที่จะได้รับส่วนแบ่งรายได้จากโอเปอเรเตอร์เช่นกัน ดังนั้นจากปัจจัยดังกล่าวจึงถือเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่ม ในส่วนของรายได้ประจำ (Recurring Income) ให้มีการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนในอนาคต

 

Back to top button