“ทรงกลด” มอง SET ก.ย. วิ่งกรอบ 1,600-1,660 จุด คัด 5 หุ้นเด่นผลงานแกร่ง!

“ทรงกลด” มองดัชนี SET เดือนก.ย.64 เคลื่อนไหวในกรอบ 1,600-1,660 จุด และยังคงเป้าดัชนีที่ 1,700 จุด ภายในปลายปีนี้  หนุนโดยกำไรบจ.ที่ยังแข็งแกร่ง ประเมิน GDP ครึ่งปีหลังอาจสูงกว่าคาด พร้อมแนะนำลงทุน 5 หุ้นเด่นผลงานแกร่ง!


นายทรงกลด วงศ์ไชย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ที่ปรึกษาการลงทุน เอฟเอสเอส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด หรือ FSSIA  ระบุในบทวิเคราะห์ โดยกล่าวว่าการรีบาวน์ของ SET Index ตั้งแต่ช่วงกลางเดือนสิงหาคม 2564 นั้นมาจากความคาดหวังเรื่องการเปิดประเทศ ถึงแม้จะมีความไม่แน่นอนจากการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ยังคงระบาดอยู่ และส่งผลลบต่อเศรษฐกิจไทย แต่นักลงทุนยังเอนไปทางมาตรการผ่อนคลายล็อคดาวน์อยู่หลังตัวเลขผู้ติดเชื้อในประเทศรายวันลดลงอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ FSSIA คงมุมมอง Overweight ต่อตลาดหุ้นไทย และคงเป้าดัชนีที่ 1,700 จุด ภายในปลายปีนี้ หนุนโดยกำไรบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ซึ่งยังคงแข็งแกร่งอยู่ถึงแม้จะมีบางกลุ่มได้รับผลกระทบจากการล็อคดาวน์ก็ตาม แต่กลุ่มพลังงาน ปิโตรเคมี และโรงพยาบาลยังคงแข็งแกร่งเกิดจากที่ฝ่ายวิเคราะห์คาดไว้

อีกทั้งมีมุมมองเชิงบวกต่อมาตรการใหม่ของรัฐบาลไทย และศบค. ในการควบคุมโควิด-19 และการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน เพื่อเปิดทางสู่วิถีชีวิตแนวใหม่หรือ New Normal โดยเชื่อว่าตลาดยังประเมิน GDP ประเทศไทยในปีนี้ต่ำไป เมื่อคำนึงถึง 1) การผ่อนคลายล็อคดาวน์ที่เร็วกว่าคาด 2) ระดับการผลิตอุตสาหกรรมที่ปรับตัวดีขึ้น และตัวเลขการส่งออกที่สูงขึ้นซึ่งเป็นปัจจัยหลักในการผลักดัน GDP และ 3) ฐาน GDP ที่ต่ำในปี 2563 จะช่วยให้เศรษฐกิจไทยมีตัวเลขการเติบโตทางเศรฐกิจที่สูงกว่าตลาดคาดในครึ่งปีหลังปี 2564

ทั้งนี้หลังการประกาศงบการเงินของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สิ้นสุดไตรมาส 2/2564 ทาง FSSIA ได้ปรับเป้ากำไรของปี 2564 เพิ่มขึ้น 1.72% จากเดิม 6.67 แสนล้านบาท เป็น 6.71 แสนล้านบาท ซึ่งจะใกล้เคียงกับกำไรที่ 6.71 แสนล้านบาทในปี 2562 ถึงแม้ว่าทางฝ่ายวิเคราะห์จะคาดการณ์กำไรในไตรมาส 3/2564 กลุ่มแบงก์พาณิชย์ และท่องเที่ยวจะออกมาอ่อนแอจากการล็อคดาวน์ และข้อจำกัดด้านการเดินทางทางอากาศทั้งในและต่างประเทศ

อย่างไรก็ตาม ทางฝ่ายวิเคราะห์มองว่ากลุ่ม Global ที่รวมถึงพลังงาน/ปิโตรเคมี และโรงพยาบาลจะช่วยชดเชยกำไรที่อ่อนแอจากกลุ่มอื่นๆ ได้ ทั้งนี้ FSSIA คาด EPS ปี 2564 ของ SET อยู่ที่ 89 บาท ซึ่งมากกว่า consensus จากบลูมเบิร์กที่คาดไว้ 85.5 บาท

ขณะที่จากการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันที่ 26-28 ส.ค. 2564 ซึ่งประธานเฟดอย่างนาย เจอโรม พาวเวล นั้นยังไม่ประกาศแน่ชัดว่าจะเริ่มลดวงเงินในการซื้อสินทรัพย์เมื่อไหร่ เพียงแต่ส่งสัญญาณว่าจะเกิดขึ้นภายในปีนี้ แต่ FSSIA เชื่อว่าเฟดจะยังอัดฉีดเงินราว 5.4 แสนล้านดอลลาร์ไปยังตลาดทุนในช่วงที่กำลังปรับลดวงเงินการซื้อสินทรัพย์ และจะเริ่มปรับลดตั้งแต่เดือนธันวาคม 2564 และสิ้นสุดราวเดือน สิงหาคม หรือกันยายน ปี 2565

นอกจากนั้นแล้ว FSSIA ยังชี้ให้เห็นว่า เมื่อปี 2556 เฟดมีการปรับลดวงเงินด้วยเช่นกัน ซึ่งในปีนั้น นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย 6.2 พันล้านดอลลาร์ จากความกังวลเรื่องการเมือง และภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจสหรัฐจากการลดวงเงิน QE

สำหรับในเดือนกันยายนนี้ FSSIA คาดว่า SET Index จะเคลื่อนไหวที่ดัชนีระหว่าง 1,600-1,660 จุด โดยคาดว่าการทยอยคลายล็อคดาวน์ในประเทศไทย และอัตราการฉีดวัคซีนจะยังถูกกดดันจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลต้าอยู่ และยังคงเป้าดัชนีที่ 1,700 จุดภายในปีนี้

ทั้งนี้ ทาง FSSIA จึงแนะนำกลยุทธ์เน้น 4 ธีมหลักคือ 1) Reopening Plays 2) Laggard Plays 3) Defensive Plays และ 4) New Investment Cycle Plays ซึ่งหุ้นที่แนะนำได้แก่  CRC, SCB, IVL, EA, และ SCC

บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC ราคาเป้าหมาย 40 บาท โดยเลือก CRC เป็นท็อปพิกในตีมเปิดเมือง โดยระบุว่าเป็นหุ้นที่มี PEG ต่ำสุดในบรรดาหุ้น SET50 ที่ทาง FSSIA วิเคราะห์ ซึ่งแรงขายใน CRC นั้นมาจากสถานการณ์โควิดระรอกที่ 3 ในประเทศไทย และการเปิดเมืองที่ช้ากว่าคาด

อย่างไรก็ตาม ธุรกิจในอิตาลี (4% ของยอดขายทั้งหมดในไตรมาส 2/2564) มีอัตราการฟื้นตัวที่ดีที่สุดในกลุ่มประเทศที่ CRC ทำธุรกิจอยู่ ซึ่งมาจากการกระจายวัคซีนที่ฉีดไปแล้วกว่า 40% และร้านค้ายังกลับมาเปิดให้บริการแล้วตั้งแต่ช่วงกลางเดือนเมษายน ทำให้ SSSG มีการเติบโตที่สูงกว่า 100% ในช่วง เม.ย.-พ.ค.

ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB ราคาเป้าหมาย 136 บาท โดย SCB เป็นหุ้นมูลค่าสูงที่ซื้อขายบน P/BV ของปี 2564 ที่ 0.5 เท่า ซึ่งฝ่ายวิเคราะห์เชื่อว่าโครงการ CDR จะช่วยแก้ปัญหาคุณภาพสินทรัพย์ที่ยืดเยื้อได้สำเร็จ นอกจากนี้ SCB ยังอยู่ในตำแหน่งที่ดีที่จะได้ประโยชน์จาก

ทั้งนี้กระแสดิจิตอลของประเทศไทยด้วยแพลตฟอร์มดิจิตอลของธนาคารฯ FSSIA มองว่า SCB จะรายงานผลประกอบการที่ดีโดยได้ปัจจัยหนุนจาก Credit Cost ที่ลดลง ประสิทธิภาพในด้านต้นทุน และชื่อเสียงในด้านรายได้ค่าธรรมเนียมที่อยู่ในระดับสูง

บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ IVL ราคาเป้าหมาย 57 บาท โดยยกให้ IVL หุ้นเด่นในกลุ่ม Laggard Play โดยมองว่าตลาดประเมินผลบวกจากการเพิ่มขึ้นของมาร์จิ้นในปี 2564 ของพอร์ต PET และ PTA ทางฝั่งประเทศในตะวันตก และผลิตภัณฑ์ IOD ในสหรัฐต่ำไป ซึ่ง FSSIA คิดว่าขีดความสามารถในการเติบโตของธุรกิจ IOD นั้นจะเป็นปัจจัยผลักดัน EBITDA ขึ้นแตะระดับ 2.7 พันล้านเหรียญสหรัฐได้ในปี 2566

บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA ราคาเป้าหมาย 76 บาท โดย EA เป็นหุ้น Defensive Play และเป็นหุ้นท็อปพิกในกลุ่มพลังงานหมุนเวียนจากมุมมองผลกำไรที่แข็งแกร่งของการเติบโตแบบ new S-curve จากโครงการใหม่ที่จะเริ่มรับรู้ในไตรมาสที่สามนี้ ทั้งนี้ทางฝ่ายวิเคราะห์คงมุมมองเป็นบวกต่อ EA และคาดว่าจะมีการปรับราคาเป้าหมายก่อนการประกาศผลการดำเนินงานในไตรมาส 3 และไตรมาส 4 นี้

บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC ราคาเป้าหมาย 520 บาท โดย SCC เป็นหุ้นที่ทางฝ่ายวิเคราะห์คัดเข้ามาใหม่ในกลุ่ม Cycle Play ซึ่งทั้ง EBITDA และกำไรของ SCC นั้นเพิ่มขึ้นอย่างมากจากผลประกอบการของทุกสายธุรกิจในเครือ โดยเฉพาะธุรกิจเคมีภัณฑ์ และบรรจุภัณฑ์

ด้าน EBITDA และกำไรที่เติบโตในธุรกิจซิเมนต์ และผลิตภัณฑ์ก่อสร้างนั้นมาจากกำไรที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยะสำคัญจากกลุ่มเซรามิก ที่มีอัตรากำไรขั้นต้น และดีมานด์สูงทั้งในไทยและต่างประเทศ

ทั้งนี้มองว่ากำไรของ SCC นั้นจะไม่ใช่แค่เติบโตอย่างเดียว แต่ยังยั่งยืนมากกว่าเดิม จากหน่วยธุรกิจต่างๆ และกลยุทธ์ระยะยาวที่สามารถสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีมาร์จิ้นสูง และความผันผวนต่ำได้ในแต่ละหน่วยธุรกิจ

Back to top button