ส่อง 10 หุ้น “กสิกรไทย” มองฟื้นตัวแกร่ง หลังโควิดคลี่คลาย

เปิด 10 หุ้นเด่น BBL, MAKRO, CPN, PTT, AOT, AWC, ASK, KCE, ADVANC และ BGRIM ฟื้นตัวแกร่ง หลังวิกฤติโควิด-19 คลี่คลาย โบรกฯ อัพเป้าหมาย SET Index ล่วงหน้า 12 เดือนเป็น 1,680 จุด


บล. กสิกรไทย ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ทางฝ่ายวิจัยมองบวกต่อตลาดหุ้นไทยช่วงเดือน ก.ย. 2564 จากการผ่อนปรนมาตรการล็อกดาวน์ในไทย และไม่คาดว่ารัฐบาลจะกลับไปดำเนินมาตรการล็อกดาวน์อย่างเข้มงวดอีก เพราะเคสรุนแรงทั้งหมดมีแนวโน้มที่ลดลงแล้ว ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตทั้งหมดมีแนวโน้มทรงตัว การผ่อนปรนมาตรการล็อกดาวน์จะเป็นผลดีกับตลาด เพราะพบว่าค่าสหสัมพันธ์ระหว่าง SET Index กับยอดยืนยันผู้ติดเชื้อ และ SET Index กับความเข้มงวดของมาตรการควบคุมโรค (stringency index) นั้นมีค่าเป็นลบ เมื่อดูภาพรวมตลาดหุ้นไทย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ จะพบว่าต่างก็ให้ผลตอบแทนต่ำกว่า MSCI ACWI ในระดับ 14% นับจากต้นปีมาถึงช่วงเวลาปัจจุบัน โดยเฉลี่ยซึ่งเป็นผลมาจากการล็อกดาวน์ระลอก 3 และการจัดสรรวัคซีนที่ล่าช้า

อย่างไรก็ดีสถานการณ์ดังกล่าวเริ่มปรับดีขึ้นเมื่อเดือนก่อน และคาดว่าจะดีขึ้นต่อเนื่องในเดือน ก.ย. 2564 หลังจากควบคุมสถานการณ์ได้บ้างแล้ว ส่วนในด้านความเห็นในเชิงผ่อนคลาย (dovish) จากเจอโรม พาวเวลล์ที่ว่า Fed จะไม่เร่งรีบในการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายขึ้น ก็จะทำให้เงินดอลลาร์ฯ มีเสถียรภาพมากขึ้น ทางฝ่ายวิจัยจึงคาดว่ากระแสเงินลงทุนต่างชาติบางส่วนจะไหลเข้ามาในช่วงเดือน ก.ย. 2564 เพราะสถานการณ์โควิด-19 ในไทยปรับดีขึ้น เงินบาทก็มีภาพแข็งแกร่งขึ้น ทั้งยังมีสัดส่วนการถือครองหุ้นโดยต่างชาติที่ต่ำอยู่

ทั้งนี้จึงได้ปรับเพิ่มเป้าหมาย SET Index ล่วงหน้า 12 เดือนเป็น 1,680 จุด โดยปรับเพิ่ม EPS ล่วงหน้า 12 เดือนของ SET Index ขึ้น 0.90% เทียบกับระหว่างเดือนที่ผ่านมา มาเป็น 92.22 หลังผ่านพ้นการประกาศงบไตรมาส 2/2564 ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตร (bond yield) ระยะ 10 ปียังทรงตัวเทียบกับระหว่างเดือนที่ผ่านมา ที่ 1.60% แต่ทางฝ่ายวิจัยได้ปรับลดอัตราส่วนต่างผลตอบแทนตลาดและพันธบัตร (EYG) ที่ใช้กับสมมติฐานทุกกรณีของเราลงกรณีละ 0.125SD เพื่อสะท้อนถึงส่วนชดเชยความเสี่ยง (risk premium) ที่ลดลง เพราะตลาดมีเสถียรภาพมากขึ้นจากยอดยืนยันผู้ติดเชื้อที่ลดลง รวมถึงการเร่งฉีดวัคซีนมากขึ้น และท่าทีเชิง dovish ของพาวเวลล์ที่การประชุม Jackson Hole

อย่างไรก็ตามเป้าหมาย SET Index ของทางฝ่ายวิจัยที่ 1,680 จุด อิง EYG 3.90% หรือ -0.6SD ต่อค่าเฉลี่ย (จากเป้าหมายเดิมที่ 4.08% หรือ -0.5SD) เป้าหมายดังกล่าวสะท้อนสมมติฐานกรณีที่ 2 ที่คาดว่าไทยจะสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ได้ในไตรมาส 3/2565 ขณะที่ไทยมีอัตราการฉีดวัคซีนเฉลี่ยราวๆ 3 ล้านโดสต่อสัปดาห์ หรือ 12 ล้านโดสต่อเดือน จึงประเมินอย่างรัดกุมว่าไทยจะสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ได้ในไตรมาส 3/2565 เมื่อประชากรได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว 80-100% (ทั้งหมด 120-140 ล้านโดส)

3 ธีมการลงทุน 10 หุ้นเด่นเน้นธีมหุ้นฟื้นตัวหลังวิกฤติโควิด-19

1.หุ้นอิงปัจจัยการกลับมาเปิดเศรษฐกิจ ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL ราคาเป้าหมาย 150.00 บาท
, บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) หรือ MAKRO ราคาเป้าหมาย 46.50 บาท, บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN ราคาเป้าหมาย 58.50 บาท, บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ราคาเป้าหมาย 41.00 บาท, บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT ราคาเป้าหมาย 64.46 บาท และบริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC ราคาเป้าหมาย 6.55 บาท

โดยคาดว่าบริษัทเหล่านี้จะได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวหลังวิกฤติโควิด-19 ซึ่งมีแรงหนุนมาจากการผ่อนปรนมาตรการล็อกดาวน์และการกลับมาเปิดพรมแดน

2.หุ้นที่มีทิศทางกำไรดีในปี 2564 ได้แก่ บริษัท เอเซียเสริมกิจลีสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ ASK ราคาเป้าหมาย 50.00 บาท, บริษัท เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ KCE ราคาเป้าหมาย 100.00 บาท ทั้งนี้ทางฝ่ายวิจัยคาดว่า ASK และ KCE จะรายงานอัตราการเติบโตของกำไรทั้งปี 2564 ที่ 38% และ 114% ตามลำดับ

3.หุ้นราคายังไม่กระเตื้อง (Laggard) ได้แก่ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC ราคาเป้าหมาย 207.24 บาท และบริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM ราคาเป้าหมาย 55.00 บาท

สำหรับราคาหุ้น ADVANC ปรับเพิ่มขึ้นเพียง 6.80% นับจากต้นปีมาถึงช่วงเวลาปัจจุบัน ยังตามหลัง INTUCH (เพิ่มขึ้น 52.0% นับจากต้นปีมาถึงช่วงเวลาปัจจุบัน) และ SET Index อยู่ (เพิ่มขึ้น 13.00% นับจากต้นปีมาถึงช่วงเวลาปัจจุบัน)

ส่วนราคาหุ้นของ BGRIM (ลดลง 7.70% นับจากต้นปีมาถึงช่วงเวลาปัจจุบัน) ยัง laggard ราคาของ GULF (เพิ่มขึ้น 16.80% นับจากต้นปีมาถึงช่วงเวลาปัจจุบัน) และ GPSC อยู่ (เพิ่มขึ้น 11.90% นับจากต้นปีมาถึงช่วงเวลาปัจจุบัน)

 

Back to top button