PIN เปิดกลยุทธ์สร้างธุรกิจแกร่ง โบรกฯชูหุ้นกำไรโต ลุ้นเทรด SET ปลายปีนี้

PIN เปิดยุทธศาสตร์ผู้พัฒนาและบริหารนิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ EEC รุกต่อยอดพัฒนาโครงการสู่ SMART CITY หวังขยายฐานลูกค้า พร้อมลุยพัฒนาโครงการนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง 6 และโครงการ Logistics Park ย้ำจุดเด่นทำเลที่ตั้งใกล้ท่าเรือแหลมฉบัง


นายพีระ ปัทมวรกุลชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปิ่นทอง อินดัสเตรียล ปาร์ค จำกัด (มหาชน) หรือ PIN เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีประสบการณ์ความเชี่ยวชาญดำเนินธุรกิจพัฒนาและบริหารอสังหาริมทรัพย์มานานกว่า 25 ปี โดยมุ่งพัฒนาโครงการนิคมอุตสาหกรรม พร้อมระบบสาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครันของผู้ประกอบการในพื้นที่พาณิชยกรรม ภายใต้การดำเนินงานร่วมกันระหว่างบริษัทฯ และการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) (นิคมอุตสาหกรรมร่วมดำเนินงาน)

รวมถึงยังเป็นผู้พัฒนาอาคารโรงงานและคลังสินค้าให้เช่าและเพื่อขายสำหรับผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมบนพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม และพื้นที่โลจิสติกส์ (Logistics Park) นอกจากนี้ ยังลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ปิ่นทอง อินดัสเตรียล ปาร์ค (PPF) และเป็นผู้บริหารอสังหาริมทรัพย์ของ PPF อีกด้วย

โดยตลอดระยะเวลาดำเนินธุรกิจที่ผ่านมา บริษัทฯได้มุ่งพัฒนาและบริหารนิคมอุตสาหกรรมเพื่อสร้างความมั่นคงและยั่งยืน ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม เพื่อสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจไทย โดยบริษัทฯ ได้รับการรับรองการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมภายใต้มาตรฐานสากล หรือ ISO14001 และ รางวัล Eco-Excellence จากการใช้แนวคิดพัฒนาโครงการนิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Eco Industrial Town) เป็นแกนหลักด้านการออกแบบวางผังโครงการและบริการระบบสาธารณูปโภคสิ่งอำนวยความสะดวก ที่มุ่งเน้นพื้นที่สีเขียวและพื้นที่กันชนเชิงนิเวศ (Eco-Belt) รอบพื้นที่โครงการ เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อมแก่แรงงานที่อยู่ภายในโครงการและชุมชนโดยรอบให้อยู่ร่วมกันได้อย่างยั่งยืน เช่น การบำบัดน้ำเสียให้กลับมาใช้ใหม่ภายในโครงการ การใช้พลังงานทดแทนเพื่อลดปัญหามลพิษและประหยัดพลังงาน เป็นต้น

ทั้งนี้ PIN ถือเป็นหนึ่งในผู้พัฒนานิคมอุตสาหกรรมรายใหญ่ในจังหวัดชลบุรีและระยอง ที่มีความโดดเด่นในด้านทำเลที่ตั้งของโครงการที่อยู่ในทำเลยุทธศาสตร์ด้านการลงทุนของประเทศ ในเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ใกล้กับท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งเป็นท่าเรือน้ำลึกหลักในการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ และอยู่บนถนนสายหลักที่เชื่อมต่อสนามบินสุวรรณภูมิและสนามบินอู่ตะเภา โดยปัจจุบันบริษัทฯ มีนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง และโครงการ Logistics Park ที่เปิดดำเนินการแล้วรวม 6 โครงการ

ได้แก่ นิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง โครงการ 1 (PIN1) นิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง (แหลมฉบัง) (PIN2) นิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง โครงการ 3 (PIN3) นิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง โครงการ 4 (PIN4) นิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง โครงการ 5 (PIN5) และโครงการ Logistics Park จำนวน 1 โครงการ ได้แก่ โครงการปิ่นทองแลนด์ (PL) โดยมีพื้นที่ที่พัฒนาแล้วกว่า 7,500 ไร่

“เรามีเป้าหมายมุ่งพัฒนานิคมอุตสาหกรรมให้เติบโตอย่างมั่นคงและก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคมและความเป็นอยู่ของชุมชนอย่างยั่งยืน โดยมีแผนต่อยอดพัฒนานิคมอุตสาหกรรมปิ่นทองไปสู่เมืองอุตสาหกรรมอัจฉริยะ หรือ SMART CITY โดยนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้บริหารจัดการเมืองนิคมอุตสาหกรรมให้มีประสิทธิภาพสูงสุด รวมถึงแผนพัฒนาโครงการใหม่ๆ เพิ่มเติม รองรับการขยายขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มอุตสาหกรรม S-Curve เสริมสร้างความยั่งยืนให้แก่การดำเนินงานของบริษัทฯ ต่อไป” นายพีระ กล่าว

นายสุรัช พัฒนวงศ์ยืนยง ประธานเจ้าหน้าที่สายงานปฏิบัติการ PIN กล่าวว่า บริษัทฯ จะนำประสบการณ์ความเชี่ยวชาญการดำเนินธุรกิจพัฒนานิคมอุตสาหกรรม เพื่อพัฒนาโครงการใหม่จำนวน 2 โครงการที่ตั้งอยู่ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ประกอบด้วย 1) โครงการนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง 6 (PIN6) พื้นที่โครงการประมาณ 1,322 ไร่ ที่จังหวัดระยอง ภายใต้แนวคิด Eco Industrial Town ตั้งอยู่ใกล้กับท่าเรือน้ำลึกมาบตาพุด และสนามบินอู่ตะเภา เพื่อขยายฐานลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรมสมัยใหม่ (S-Curve) ที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในกระบวนการผลิตเป็นหลัก ก้าวสู่ไทยแลนด์ 4.0 ตามนโยบายของภาครัฐได้เป็นอย่างดี โดยคาดว่าจะเปิดขายพื้นที่ในเฟสแรกในโครงการนิคมอุตสาหกรรมปิ่น 6 ได้ภายในไตรมาส 4 ปีนี้

2) โครงการ Logistics Park แห่งใหม่ โดยพัฒนาที่ดินและสร้างอาคารโรงงานและคลังสินค้าให้เช่า บนพื้นที่ของโครงการที่ประกอบด้วยเขตปลอดอากร (Free Zone) และเขตทั่วไป (General Zone) คาดว่าจะเริ่มพัฒนาโครงการได้ภายในปลายปีนี้ ซึ่งผลักดันโครงสร้างรายได้ประจำและสม่ำเสมอ (Recurring Income) เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่มีสัดส่วนรายได้ประมาณ 20-30% ของรายได้รวม เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่ต้องการเช่าโรงงานหรือคลังสินค้า และการให้บริการสาธารณูปโภคต่างๆ

นายพิมล เลิศทรัพย์อนันต์ ประธานเจ้าหน้าที่สายงานบัญชีและการเงิน PIN กล่าวว่า ภาพรวมรายได้จากการขายและการบริการในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (2561-2563) อยู่ที่ 888.88 ล้านบาท 789.28 ล้านบาท และ 1,062.85 ล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่กำไรสุทธิทำได้ 216.43 ล้านบาท 223.70 ล้านบาท และ 403.89 ล้านบาท ซึ่งปัจจัยการเติบโตที่ดีในปีที่ผ่านมานั้น มาจากการขายที่ดินที่พัฒนาแล้วในโครงการ PIN3, PIN4 และ PIN5 มากขึ้น และยังสามารถเพิ่มสัดส่วนของรายได้ประจำและสม่ำเสมอ (Recurring Income) ซึ่งมาจากรายได้การให้เช่าและให้บริการเพิ่มขึ้นรวมถึงบริหารควบคุมค่าใช้จ่ายได้มีประสิทธิภาพ

ทั้งนี้ แม้เกิดการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่ผ่านมา ทำให้นักลงทุนต่างประเทศไม่สามารถเดินทางมาดูพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมและทำสัญญาได้ แต่ด้วยการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพและปรับตัวให้สอดคล้องกับความต้องการลูกค้าและสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เช่น การจัดประชุมและให้ข้อมูลโครงการผ่านทางออนไลน์ เพื่อให้ข้อมูลและตอบข้อซักถามแก่ลูกค้าในช่วงที่ผ่านมา เพื่อสนับสนุนการเติบโตที่ดีของผลการดำเนินงาน ส่งผลให้รายได้จากการขายที่ดินสำหรับงวด 6 เดือนแรกของปีนี้อยู่ที่ 205.50 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 12 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลจากจำนวนที่ดินที่ขายได้เพิ่มขึ้น ขณะที่กำไรสุทธิ 99.31 ล้านบาท เติบโตขึ้นประมาณร้อยละ 79 เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 55.57 ล้านบาท

นายประเสริฐ ตันตยาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า PIN มีจุดเด่นที่สำคัญในเรื่องทำเลที่ตั้งนิคมอุตสาหกรรมทั้งหมดของ PIN ที่อยู่ในทำเลยุทธศาสตร์ด้านการลงทุนของประเทศ ในพื้นที่ EEC และโอกาสเติบโตจากโครงการใหม่ๆ

อาทิ โครงการ Logistics Park โครงการปิ่นทอง 6 และโครงการสาธารณูปโภคที่สนับสนุนการประกอบธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม ทั้งโครงการท่าเรือแหลมฉบังและท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด การพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน จึงทำให้พื้นที่นิคมอุตสาหกรรมของ PIN ได้รับประโยชน์จากเม็ดเงินลงทุนใหม่ๆ ของนักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทยในระยะยาว

ทั้งนี้ กลุ่มเป้าหมายหลักของลูกค้าจะอยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรม S-Curve เพื่อผลักดันประเทศไทยก้าวสู่เศรษฐกิจ 4.0 ประกอบกับจุดเด่นด้านแนวคิดการพัฒนาโครงการนิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Eco Industrial Town) และแผนมุ่งยกระดับโครงการนิคมอุตสาหกรรมไปสู่การเป็นเมืองอัจฉริยะ หรือ  Smart City เพื่อเป็นฐานการผลิตที่สำคัญในไทยและภูมิภาค นอกจากนี้ ด้วยบริการที่ครบวงจรของบริษัทฯ เช่น โรงงานและคลังสินค้าให้เช่า การให้บริการ One-stop service และบริการหลังการขาย ส่งผลให้ลูกค้าประทับใจและมีการบอกต่อหรือแนะนำลูกค้าเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ สามารถเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน สร้างผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหุ้นหรือนักลงทุนได้เป็นอย่างดี

นายธนัท วงษ์ชูแก้ว กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า ความคืบหน้าการเสนอขายหุ้น IPO ในครั้งนี้ จำนวนไม่เกิน 290 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นไม่เกินร้อยละ 25 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ และนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในหมวดพัฒนาอสังหาริมทรัพย์นั้น

ล่าสุด PIN อยู่ระหว่างการรออนุมัติไฟลิ่ง จากสำนักงาน ก.ล.ต. โดยบริษัทฯ คาดว่าจะสามารถเสนอขายหุ้น IPO ได้ ภายหลังได้รับการอนุมัติจากสำนักงาน กลต. ซึ่งคาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ภายในปลายปีนี้ และหากมีความชัดเจนทางบริษัทฯ จะแจ้งให้ทราบต่อไป

ทั้งนี้ PIN จัดเป็นหุ้นของกิจการที่อยู่ในช่วงเติบโต (Growth Stock) และมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่ต่ำกว่าร้อยละ 50 ของกำไรสุทธิของงบการเงินเฉพาะกิจการภายหลังจากหักภาษีเงินได้นิติบุคคลและเงินทุนสำรองตามกฎหมายและทุนสำรองอื่นตามที่กำหนดไว้ในกฎหมาย

โดยเงินที่ได้จากการระดมทุนจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งการดำเนินงานจากแผนการลงทุนโครงการ Logistics Park แห่งใหม่ เพื่อรองรับการลงทุนของผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรมและเพิ่มสัดส่วนรายได้ประจำ (Recurring Income) ส่วนที่เหลือนำไปชำระคืนเงินกู้และเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงานต่อไป อันจะทำให้บริษัทฯ มีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง และเพิ่มศักยภาพในการสร้างการเติบโตของรายได้แก่บริษัทฯ ได้อย่างต่อเนื่องและมั่นคงต่อไป

Back to top button