NER โบรกฯอัพเป้า 10.70 บ. ชี้กำไรปี 65 พุ่ง 12% “แผ่นรองนอนวัว-ราคายาง” หนุน

NER เดินหน้าลุยธุรกิจปลายน้ำ “แผ่นรองนอนปศุสัตว์” เต็มสูบ เพิ่มสัดส่วนรายได้ปีหน้า 504 ลบ. ส่วนราคายางฟื้นต่อเนื่อง ดันมาร์จิ้นจะยืนสูงนาน โบรกฯอัพกำไรปี 2565 เพิ่ม 12% ขยายตัวแกร่ง 30% จากงวดเดียวปีก่อน แนะ "ซื้อ" ปรับเป้า 10.7 บ.


บริษัทหลักทรัพย์เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ระบุในบทวิเคราะห์วันที่ 17 พ.ย. 64 ว่าบริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NER ทางฝ่ายวิจัยปรับประมาณการกำไรปี 2565 ขึ้น 12% หลังพบสัญญาณอัตรากำไรขั้นต้นจะยืนสูงได้อีกอย่างน้อย 3 ไตรมาส สะท้อนมาจากทิศทางราคายางพาราที่เริ่มกลับมาเดินหน้า เพิ่มขึ้น 9.6% แล้วจากไตรมาส 3/2564 ขณะที่กำลังการผลิตใหม่จะเข้ามาอีก 11% ในขณะที่บริษัทฯ เข้าโหมด economies of scale ไปแล้วอีกด้วย ซึ่งเมื่อรวมกับแผนธุรกิจปลายน้ำ ล่าสุดที่ชัดเจน ทางฝ่ายวิจัยจึงปรับเพิ่มราคาเหมาะสมปีหน้าขึ้น 18% เป็น 10.70 บาท (fully diluted) หนุนด้วยการยก P/E เป้าหมายขึ้นจาก 8.0 เป็น 8.5 เท่า จากธุรกิจปลายน้ำที่เริ่มมีบทบาทมากขึ้น ปัจจุบันเทรด P/E ปี 2564 เพียง 5.9 เท่า เมื่อเทียบกับ EPS growth เพิ่มขึ้น 30.0% เมื่อเทียบจากปีก่อน ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยมองว่าตลาดทำประมาณการต่ำไป 13%

สำหรับแผนธุรกิจปลายน้ำ “แผ่นรองนอนปศุสัตว์ แบรนด์ CATTLE FLEX” จะมี 3 รุ่นเพื่อใช้เจาะตลาดต่างกัน โดยคุณสมบัติเทียบเคียงได้กับคู่แข่งด้วยราคาขายที่ถูกกว่า, เทอมการค้าที่ไม่เป็นภาระต่อเงินทุนหมุนเวียนธุรกิจหลัก และมีการแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายในประเทศซึ่งเป็นผู้มีฐานลูกค้าเกษตร/สหกรณ์/บริษัทจดทะเบียน ผู้เลี้ยงวัวกว่า 8 ล้านตัว โดยยังวางเป้าส่งออกไป 28 ประเทศผ่าน 11 ตัวแทนจำหน่าย โดยบริษัทตั้งเป้ารายได้ปีหน้า 504 ล้านบาท เริ่มขายตั้ง แต่เดือนมกราคม 2565 ซึ่งเป้าหมายนี้สูงกว่าประมาณการ ปี 2565 – 2566 เดิมของฝ่ายวิจัยเฉลี่ย 37% อีกด้วย

โดยราคายางแผ่น RSS3 เมื่อวานนี้อยู่ที่ 57.35 บาท/กก. ฟื้นกลับมาต่อเนื่อง เพิ่มขึ้น 9.6% จากสิ้นสุดไตรมาส 3/2564 ผลักดันจาก (1) สถานการณ์ chip semiconductor ขาดแคลนและระวางเรือราคาสูง เริ่มผ่อนคลายบ้างแล้ว ทำให้อุตสาหกรรมรถยนต์ ยางรถยนต์ เริ่มเพิ่มการผลิตอีกครั้งแล้วทั่วโลก (2) เดือนตุลาคม ฝนตกชุกภาคอีสาน เดือนพฤศจิกายน ภาคใต้ยังคงมีฝนตกชุกเช่นกัน ขณะที่ประเทศจีนก็เข้าสู่ฤดูปิดกรีดยางแล้วอีกด้วย ทำให้อุปทานยางจะเข้าสู่ตลาดน้อยลง (3) น้ำมันดิบที่ยังยืนในระดับสูงจากการที่กลุ่มโอเปกยังควบคุมอุปทานไว้ ทำให้เป็นการหนุนราคายางธรรมชาติในทางอ้อมไม่ให้ลดลง เป็นต้น สถานการณ์เหล่านี้จะส่งผลดีต่อการเจรจากำหนดราคาขายและส่งมอบยางล่วงหน้าของ NER ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2565

ดังนั้นทางฝ่ายวิจัยคาดว่า อัตรากำไรขั้นต้นจะยืนเหนือ 13% ได้อีกอย่างน้อย 3 ไตรมาส เทียบกับไตรมาส 3 ปี 2564 ที่ 13.2%, เฉลี่ย 10.6% ในงวดปี 2563 และสมมติฐานของฝ่ายวิจัยปี 2565 ที่ 12.6%

ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยได้ปรับสมมติฐานอัตรากาไรขั้นต้นขึ้น 60% เป็น 13.2% จากทิศทางข้างต้น และใช้ต้นทุนบริหารต่อตันที่ 1,604 บาท/ ตัน ซึ่งเป็นระดับ economies of scale ในไตรมาส 3/2564 เป็นจุดอ้างอิง ขณะที่กำลังการผลิตใหม่ 5 หมื่นตัน และสมมติฐานปริมาณขายปี 2565 คงไว้ตามเดิม 5 แสนตัน ส่งผลให้กำไรสุทธิ ปี 2565 ถูกปรับขึ้น 12% เป็น 2.3 พันล้านบาท  ขยายตัวแกร่ง เพิ่มขึ้น 30% เมื่อเทียบจากปีก่อน

Back to top button