OCEAN รับอานิสงส์ “กัญชาริมฝั่งโขง” ลุ้นคว้าไลเซนส์ก่อนไตรมาส 3/65

OCEAN คาดจะได้รับใบอนุญาตฯจาก อย.เร็วๆ นี้ หลังรัฐสนับสนุนกัญชาทางการแพทย์ มุ่งสร้างอาชีพให้ประชาชนทั้งในฐานะผู้ปลูกและผู้ผลิตสินค้า


บริษัท โอเชี่ยน คอมเมิรช จำกัด (มหาชน) หรือ OCEAN เปิดเผยว่า บริษัทในฐานะผู้คุมปัจจัยการผลิตกัญชงตั้งแต่ต้นน้ำ-ปลายน้ำ ร่วมกับพันธมิตรคาดว่าจะได้รับใบอนุญาตในเร็วๆ นี้ หลังภาครัฐสนับสนุนโครงการต้นแบบเชื่อมโยงระหว่างกัญชาทางการแพทย์ ตามนโยบายของกระทรวงสาธารณสุข ในการส่งเสริมการท่องเที่ยวท้องถิ่น ซึ่งเป็นโมเดลเศรษฐกิจที่สามารถสร้างรายได้ตั้งแต่เกษตรกรผู้ปลูกพืชกัญชา ผู้ผลิตแปรรูปผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวเนื่อง

นอกจากนี้ กระทรวงสาธารณสุขยังมีนโยบายส่งเสริมพืชสมุนไพรทั้งกัญชา กัญชง กระท่อม โดยให้กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกคิดค้นนโยบายเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ที่สามารถสร้างงานอาชีพให้ประชาชนทั้งในฐานะผู้ปลูก ผู้ผลิตสินค้า สร้างโอกาสให้ประชาชนเข้าถึงผลิตภัณฑ์ การแพทย์ทางเลือกรักษาโรค

โดยก่อนหน้านี้ นายธีร ชุติวราภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร OCEAN ปัจจุบันบริษัทมีเครื่องจักรที่มีศักยภาพในการป้อนวัตถุดิบ 300 กก./เดือน โดยติดตั้งแล้วที่โรงงานของ บริษัท โรงงานเภสัชอุตสาหกรรม เจเอสพี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ JP ในจังหวัดลำพูน โดยเครื่องจักรดังกล่าวสามารถแยกสาร CBD ได้ 6 รูปแบบ เริ่มตั้งแต่ FULL SPECTRUM, BROAD SPECTRUM, TERPENE, WAX, CBD ISOLATE และ WATER SOLUBLE CBD ISOLATE

ทั้งนี้ บริษัทได้มีการสั่งซื้อเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีศักยภาพในการป้อนวัตถุดิบถึง 30,000 กิโลกรัม (30 ตัน) ต่อเดือน คาดว่าจะติดตั้งแล้วเสร็จพร้อมรับใบอนุญาตภายในไตรมาส 3 ปี 2565 เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้น และจะส่งผลให้บริษัทฯมีผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดจากธุรกิจสกัดสารกัญชง ซึ่งเป็น New S-Curve

พร้อมกันนี้บริษัทตั้งเป้าหมายล้างขาดทุนสะสมที่ปัจจุบันมีอยู่ราว 80 ล้านบาทให้หมดภายในปี 65 หลังจากแตกไลน์ไปสู่ธุรกิจสกัดสารกัญชง-กัญชา โดยคาดว่าจะมีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจดังกล่าวนี้เพิ่มขึ้นมาที่ 40% ส่วนอีก 60% จะมาจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นธุรกิจเดิม

โดยการดำเนินธุรกิจสกัดสารกัญชง-กัญชา บริษัทได้ผนึกกำลังร่วมกับ 2 พันธมิตร คือ บมจ.โรงงานเภสัชอุตสาหกรรม เจเอสพี (ประเทศไทย) (JP) ซึ่งเป็นผู้ผลิตยา, อาหารเสริม, เครื่องสำอาง, สมุนไพร และผลิตภัณฑ์เสริมอาหารประเภทวิตามินบำรุงร่างกาย รวมทั้งกาแฟเพื่อสุขภาพ ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนตำรับยาและอาหารเสริมกับองค์การคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ภายใต้แบรนด์ของลูกค้า กว่า 2,000 ผลิตภัณฑ์ และบริษัท แคนนาบิซ เวย์ จำกัด ผู้ออกแบบและพัฒนาระบบปลูกกัญชง-กัญชาอัจฉริยะ เพื่อป้อนวัตถุดิบให้กับบริษัท

ขณะที่ปัจจุบันบริษัทได้นำเข้าเครื่องจักรขนาดกำลังการผลิต 300 กิโลกรัม/เดือน ซึ่งสามารถแยกสาร CBD ได้ 4 รูปแบบ เริ่มตั้งแต่ FULL SPECTRUM, BROAD SPECTRUM, CBD ISOLATE และ WATER SOLUBLE CBD ISOLATE ขณะเดียวกันบริษัทก็อยู่ระหว่างรอใบอนุญาตจากทาง อย.เพื่อให้สามารถเดินเครื่องผลิตและรับออเดอร์ลูกค้า โดยตามแผนของ OCEAN คาดว่าจะรับรู้รายได้จากธุรกิจสกัดสารกัญชงกัญชาในปีนี้ราว 15-20 ล้านบาท ก่อนขยับขึ้นเป็นไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาทในปี 65

นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนงานที่จะลงทุนเพิ่มเติมราว 200 ล้านบาทเพื่อนำเข้าเครื่องจักรรองรับการผลิตเพิ่มขึ้น เพื่อให้บริษัทมีผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดจาก New S Curve ธุรกิจสกัดสารกัญชง-กัญชา โดยวางเป้ามีส่วนแบ่งทางการตลาดในตลาดดังกล่าวเป็น TOP 3 ของไทยในระยะเวลาอันใกล้นี้

“การจับมือร่วมกันครั้งนี้ จะนำไปสู่การพัฒนาสินค้าร่วมกัน เพื่อป้อนให้กับกลุ่มลูกค้าในตลาดที่มีความต้องการเป็นจำนวนมาก และเป็นการการันตีได้ว่า เรามีวัตถุดิบที่เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้า ขณะที่โรงงานของ JP มีคุณภาพ และมาตรฐาน ผ่านการรับรองของ อย.สามารถผลิตสินค้าได้หลากหลาย และลูกค้าไม่จำเป็นต้องทำงานด้านวิจัยและพัฒนาเพิ่ม และเครื่องจักรที่บริษัทฯ นำเข้ามายังมีจุดเด่นที่แตกต่างจากตลาดทั่วไป โดยสามารถสกัดได้ในระดับ ISOLATE CBD WATER SOLUBLE ซึ่งสามารถผสมเครื่องดื่มได้ทันที ต่างจากคู่แข่งในตลาดที่ยังไม่มีใครสามารถทำได้” นายธีร กล่าว

ขณะที่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) ประมาณ 600 ล้านบาท ทยอยรับรู้ในปี 64-65 โดยมี 3 โครงการที่อยู่ระหว่างการขายและพัฒนา ประกอบด้วย 1.โครงการ IKON SUKHUMVIT 77 มูลค่าโครงการ 1,170 ล้านบาท 2.โครงการ IKON UDOMSUK มูลค่าโครงการ 600 ล้านบาท และ 3.โครงการ THE VALOR มูลค่าโครงการ 480 ล้านบาท

ด้าน นางสาวอุนารินทร์ กิจไพบูลทวี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แคนนาบิซ เวย์ จำกัด กล่าวว่า บริษัทได้ออกแบบและพัฒนาระบบปลูกกัญชงและกัญชาอัจฉริยะ Cannabis Smart Farm (CSF) ร่วมกับมหาวิทยาลัยนเรศวร ทำการติดตั้งระบบในพื้นที่ปลูกของบริษัทที่จัดตั้งเป็น “CBD Agro-Tech Center” บนเนื้อที่กว่า 36 ไร่ ด้วยระบบการควบคุมสภาพแวดล้อมที่ปรับให้เหมาะสมกับทุกสายพันธุ์ เพื่อรองรับการปลูกกัญชง-กัญชาคุณภาพได้มากกว่า 250,000 ต้นต่อปี และมีโครงการขยายพื้นที่การผลิตให้ครอบคลุมกว่า 1,000 ไร่ทั่วประเทศ มีเป้าหมายเพื่อให้ได้ผลผลิตต่อการลงทุนสูงที่สุด และได้กัญชง-กัญชาคุณภาพป้อนเข้าสู่ภาคธุรกิจในทุกภาคส่วน ทำให้ได้วัตถุดิบกัญชง-กัญชาคุณภาพสู่ภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมกลางน้ำและปลายน้ำ

Back to top button