J มั่นใจกำไรปี 65 โตเท่าตัว รับรู้รายได้ “JAS Green Village คู้บอน” – ผุดบ้านพักผู้สูงวัย

J ตั้งเป้ากำไรปี 65 โต 100% รับรู้โครงการ JAS Green Village คู้บอน วางงบ 500 ล้านบาท รองรับแผนพัฒนาบ้านพักผู้สูงอายุ คาดเปิดบริการปลายปี 65


นายสุพจน์ สิริกุลภัสสร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจเอเอส แอสเซ็ท จำกัด (มหาชน) หรือ J เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ากำไรปี 65 เติบโต 100% จากปีนี้ โดยมาจากปัจจัยหนุนของการเปิดให้บริการโครงการ JAS Green Village คู้บอน ที่เป็นโครงการคอมมูนิตี้มอลล์แห่งที่ 5 ซึ่งจะรับรู้รายได้เข้ามาในปี 65 เต็มปี ซึ่งจะมีรายได้จากโครงการดังกล่าวเข้ามาเสริมในปี 65 เต็มปีราว 70-80 ล้านบาท/ปี โดยที่โครงการ JAS Green Village คู้บอน มีพื้นที่เช่ารวม 13,000 ตารางเมตร ปัจจุบันมีผู้เช่าแล้ว 95% ซึ่งในช่วงต้นปี 65 บริษัทคาดว่าจะปิดพื้นที่เช่าได้ครบ 100% ได้ โดยปัจจุบันโครงการ JAS Green Village คู้บอน ได้เปิดให้บริการแล้วตั้งแต่ 2 ธ.ค. 64 ซึ่งมีผู้เข้ามาใช้บริการเป็นจำนวนมาก

ขณะที่โครงการคอมมูนิตี้มอลล์อีก 4 แห่งของบริษัท เริ่มเห็นการกลับเข้ามาใช้บริการในคอมมูนิตี้มอลล์มากขึ้น หลังจากสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศเริ่มคลี่คลายมากขึ้น และได้มีการกลับมาเปิดเมืองและเปิดประเทศอีกครั้ง ซึ่งมองว่าในปี 65 แรงกดดันจากปัจจัยโควิด-19 จะไม่มีผลต่อภาพรวมการดำเนินงานของาบริษัทเหมือนกับในช่วงปี 63-64 ทำให้การเติบโตของผลการดำเนินงานที่กลับมาโดดเด่น จากรายได้ค่าเช่าที่กลับมาฟื้นตัวดีเป็นแรงขับเคลื่อนภาพรวมผลงานในปี 65 และบริษัทมีค่าเช่ากลับมาในระดับปกติ หลังจากที่มาตรการช่วยเหลือผู้เช่าได้สิ้นสุดลงไปแล้ว จากสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศที่ดีขึ้น

ด้านโครงการคอนโดมิเนียมของบริษัท NEWERA เอกมัย-รามอินทรา ที่ยังเหลือขายอยู่กว่า 10 ยูนิต บริษัทจะเร่งปิดการขายยูนิตที่เหลืออยู่ให้หมดภายในปี 65 ซึ่งจะสามารถรับรู้รายได้เข้ามา ช่วยหนุนผลงานของบริษัทในปี 65 ได้ ซึ่งในปี 64 ยอมรับว่าการขายคอนโดมิเนียมยังเป็นไปค่อนข้างยาก จากภาวะของตลาดที่ไม่เอื้ออำนวย แต่มองว่าในปีหน้าจะเห็นการมองหาซื้อคอนโดมิเนียมกลับมา หลังจากภาพรวมไนประเทศเริ่มดีขึ้น ทำให้บริษัทจะกลับมาเร่งปิดการขายคอนโดมิเนียมที่เหลืออยู่อีกครั้ง

สำหรับแผนการลงทุนในปี 65 บริษัทวางงบลงทุนไว้ที่ 500 ล้านบาท เพื่อเป็นการรองรับการพัฒนาโครงการบ้านพักผู้สูงอายุ SENERA Senior Wellness ข้างโครงการ JAS Green Village คู้บอน ซึ่งจะเริ่มก่อสร้างในต้นปี 65 บนที่ดิน 7 ไร่ จำนวนห้องพัก 140 ห้อง มูลค่า 300 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการบ้านพักผู้สูงอายุแห่งแรกของบริษัท

ประกอบกับจะมีการร่วมมือกับพันธมิตรเครือโรงพยาบาลในการบริหารโครงการ โดยจะเริ่มเปิดให้บริการในช่วงปลายปี 65 และจะมีการพัฒนาโครงการคอมมูนิตี้มอลล์แห่งใหม่อีก 1-2 แห่ง ที่อยู่ในชานเมือง โดยที่เบื้องต้นมีทำเลย่านบางบัวทองที่บริษัทสนใจพัฒนาเป็นคอมมูนิตี้มอลล์แห่งใหม่

บริษัทตั้งเป้ามีพื้นที่เช่ารวมแตะ 100,000 ตารางเมตร ในช่วง 3 ปีข้างหน้า จากปัจจุบันมีพี้นที่เช่ารวม 55,000 ตารางเมตร ซึ่งมีอัตราการเช่ารวมที่ 90% ซึ่งหากมีพื้นที่เช่าแตะ 100,000 ตารางเมตร บริษัทจะขึ้นเป็นผู้นำอันดับ 1 ในธุรกิจพัฒนาศูนย์การค้าชุมชน และเป็นธุรกิจในเครือของบริษัท เจมาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ JMART ที่สร้างรายได้ประจำให้กับกลุ่มมากที่สุด

ส่วนแผนการนำสินทรัพย์จัดตั้งกองทรัสต์ (REITs) หรือการทำสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีสินทรัพย์ค้ำประกัน บริษัทมองว่ายังคงต้องรอให้การพัฒนาโครงการคอมมูนิตี้มอลล์ของบริษัทครบ 7 แห่ง และจะเริ่มมีการพิจารณาอีกครั้ง โดยปัจจัยหลักของการที่จะนำสินทรัพย์ขายเพื่อระดมทุนมาต่อยอดการพัฒนาจะคำนึงถึงต้นทุนในการดำเนินการจัดตั้งและบริการกองรีมหรือสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งจะต้องมีความคุ้มค่าและเป็นผลดีต่อบริษัทมากที่สุด

นายสุพจน์ กล่าวว่า แนวโน้มภาพรวมธุรกิจพัฒนาพื้นที่ค้าปลีกในประเทศไทย บริษัทยังมองว่ายังมีการเติบโตอีกค่อนข้างมาก โดยเฉพาะการพัฒนาพื้นที่ค้าปลีกที่เข้าไปในแหล่งชุมชนมากขึ้น จากการที่การอยู่อาศัยและระบบคมนาคมขนส่งเริ่มขยายออกมานอกเมือง และคนในประเทศมีการซื้อบ้านอยู่อาศัยในทำเลรอบเมืองมากขึ้น ทำให้โอกาสในการพัฒนาพื้นที่ค้าปลีกในทำเลที่เป็นย่านชุมชนรอบเมืองยังมีอยู่มาก และมีการเข้าใช้บริการของคนในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง และปัจจุบันพบว่ากลุ่มลูกค้าผู้เช่าของบริษัทที่เป็นผู้ประกอบการร้านค้าชั้นนำเริ่มต้องการเช่าพื้นที่เปิดสาขาใหม่ในโครงการที่อยู่ในชุมชนมากขึ้น และเริ่มขยายออกมาจากศูนย์การค้าขนาดใหญ่ในเมือง ซึ่งเพิ่มโอกาสในการขายของผู้ประกอบการ

อีกทั้งยังมองว่าพฤติกรรมของคนยังต้องการการออกมาใช้ชีวิตและได้รับประสบการณ์จากสถานที่นั้นๆ ทำให้คนยังมีความต้องการออกมาเดินและใช้เวลาในคอมมูนิตี้มอลล์ ซึ่งมองว่าการซื้อของออนไลน์จะมาทดแทนในบางส่วนของการซื้อสินค้าที่ไม่ต้องใช้ประสบการณ์ และมองว่าการเข้ามาของ Metaverse หรือโลกเสมือนจะยังไม่สามารถเข้ามาทดแทนการใช้ชีวิตในประสบการณ์จริงได้ เพราะคนยังต้องมีการพบเจอและเรียนรู้ในสถานที่จริงที่สามารถจับต้องได้ แต่อย่างไรก็ตามหาก Metaverse มีความนิยมมากขึ้นในอนาคต บริษัทก็จะไม่ปิดโอกาสในการศึกษาเข้าไปเปิดคอมมูนิตี้มอลล์ใน Metaverse เช่นกัน

Back to top button