SCBS วางดัชนีปีนี้ 1,750 จุด ชู 10 หุ้นโตเด่น รับเทรนด์โลกยุคใหม่

SCBS วางดัชนีปีนี้ 1,750 จุด ชู 10 หุ้นโตเด่น KBANK, AMATA, ZEN, LH, GULF, DELTA, ADVANC, ONEE, SECURE และ XPG รับเทรนด์โลกยุคใหม่


บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด (SCBS) ประเมินการระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์ “โอมิครอน” ซึ่งมีความเสี่ยงกระทบต่อเศรษฐกิจและการลงทุนในช่วงไตรมาส 1 ปี 2565 โดยหากไม่สามารถควบคุมการระบาดได้ภายในไตรมาสที่ 1 ปี 2565 จะมีความเสี่ยงต่ออัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทยและผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ปี 2565 ที่ได้คาดการณ์ไว้

โดยล่าสุดมีการประเมิน SET Index ในปี 2565 มีกรอบการเคลื่อนไหว 1,550-1,750 จุด พร้อมแนะนำ 10 หุ้นเด่น โดยเลือกหุ้นที่เติบโตดีราคาไม่แพง รวมถึงหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากเทรนด์การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างธุรกิจของโลกยุคใหม่ ซึ่งคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจปี 2565 โดยตั้งไว้ 3 สมมติฐาน 5 คำทำนาย ประกอบด้วยสมมติฐาน (1) โควิด-19 จะกลายเป็นโรคประจำถิ่นอันเป็นผลมาจากการฉีดวัคซีนอย่างทั่วถึง (2) อุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั่วโลกฟื้นตัว 60-90% และ (3) ปัญหาคอขวดด้านอุปทานจะเริ่มคลี่คลายลง

ขณะที่ 5 คำนายหลักของ SCBS ได้แก่ (1) กิจกรรมทางเศรษฐกิจโลกปี 2565 จะกลับมาเป็นปกติมากขึ้น (2) เงินเฟ้อโลกจะลดลงในครึ่งหลังปี 2565 (3) นโยบายการเงินโลกจะตึงตัวขึ้นเพื่อกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ยกเว้น จีน ที่ยังคงมีการผ่อนคลายนโยบายการเงินเพื่อสร้างสมดุลเศรษฐกิจ (4) สงครามเย็นระหว่างสหรัฐฯ กับจีนจะทวีความรุนแรงมากขึ้น และ (5) ปัจจัยเสี่ยงที่ต้องจับตา 5 ปัจจัย ได้แก่ การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน, ความผันผวนของตลาดการเงินโลก, ความเสี่ยง Global Stagflation, ความผันผวนด้านภูมิอากาศโลก และการระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์ Omicron ที่อาจรุนแรงกว่าสายพันธุ์ Delta

อย่างไรก็ตามการระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน มีโอกาสกระทบต่ออัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกปี 2565 ให้ลดลงจากระดับที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ  (IMF) เคยคาดการณ์ไว้สำหรับปี 2565 ที่ 4.90% เหลือเพียง 3.60% หากไม่สามารถควบคุมการระบาดได้ภายในไตรมาสที่ 1 ปี 2565 ด้านเศรษฐกิจไทยนั้นอัตราการเติบโตของ GDP ปี 2565 มีความเสี่ยงลดลงจากประมาณการณ์ล่าสุดที่ 3.60% เหลือ 2.50% หากแผนการเปิดรับนักท่องเที่ยวต้องเลื่อนระยะเวลาออกไป รวมถึงรัฐบาลกลับมาคุมเข้มกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศ

ทั้งนี้ประเมินระดับ SET Index ปี 2565 อิงกับปัจจัยพื้นฐานอยู่ที่ 1,660 จุด และคาดว่าจะมีกรอบการเคลื่อนไหวบริเวณ 1,550-1,750 จุด พร้อมแนะนำ 10 หุ้นเด่น คาดว่าผลการดำเนินงานปี 2565 จะเติบโตเด่น ได้แก่ KBANK, AMATA, ZEN, LH และ GULF รวมถึงหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากเทรนด์การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างธุรกิจของโลกยุคใหม่ ได้แก่ DELTA, ADVANC, ONEE, SECURE และ XPG

ด้านนายสุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการ Chief Research Officer บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด (SCBS) กล่าวว่าเมื่อปี 2564 ที่ผ่านมานั้นเป็นที่น่าสังเกตว่า แม้โลกจะเกิดวิกฤติโควิด-19 แต่ความผันผวนของตลาดหุ้นกลับลดลง ดังจะเห็นได้ว่าตลาดหุ้นทั่วโลกฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงตลาดหุ้นไทยที่ SET Index ฟื้นตัวกลับไประดับก่อนเกิดวิกฤติโควิด-19 แล้ว ทั้งที่สถานการณ์การแพร่ระบาดยังคงถือว่ารุนแรง ทั้งนี้เป็นเพราะรัฐบาลทั่วโลกเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และอัดฉีดเงินเข้าสู่ตลาดการเงินอย่างรุนแรงและรวดเร็วเป็นประวัติการณ์เช่นกัน ประกอบกับอัตราดอกเบี้ยต่ำ อัตราเงินเฟ้อสูงมาก จึงทำให้นักลงทุนกล้าที่จะเสี่ยงนำเงินไปลงทุนในตลาดหุ้น

สำหรับปี 2565 นั้น ประเมินว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจมีโอกาสที่จะกลับเข้าสู่ภาวะก่อนเกิดวิกฤติโควิด-19 ซึ่งหมายถึง อัตราการเติบโตของ GDP ในระดับที่มีเสถียรภาพ อัตราเงินเฟ้อที่คาดว่าจะชะลอตัวลง อัตราดอกเบี้ยที่เริ่มปรับตัวขึ้น การเพิ่มภาษีขึ้นบ้าง เพื่อสร้างสมดุลให้กับฐานะการเงินของรัฐบาล และสุดท้าย คาดว่าผลตอบแทนจากการลงทุนในตลาดหุ้นจะลดลงจากปี 2564

โดยอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว (DM) จะชะลอตัว โดย IMF ประเมินว่า GDP จะเติบโต 4.50% ในขณะที่คาดว่าอัตราการขยายตัวของกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ (EM) จะฟื้นตัวในครึ่งปีหลังปี 2565 โดย IMF ประเมินว่า GDP จะเติบโต 5.10% โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากการเปิดประเทศได้มากขึ้น หลังจากประชาชนส่วนใหญ่ได้รับวัคซีนมากขึ้นซึ่งจะส่งผลธุรกิจด้านการท่องเที่ยวและบริการฟื้นตัวขึ้น ซึ่งคาดว่าจะช่วยชดเชยกับการลดลงของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อช่วยกระตุ้นการบริโภคในช่วงการระบาดของโควิด-19 ในปี 2563-2564 ได้บ้าง อย่างไรก็ตามการระบาดรอบใหม่ของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน ถือว่าเป็นความเสี่ยงที่อาจทำให้การคาดการณ์เศรษฐกิจไม่เป็นไปตามที่คาด

ด้านแนวโน้มเศรษฐกิจไทย “มองบวกอย่างระมัดระวัง” ปี 2565 คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวกลับมาเติบโต 3.60-4.00% จากที่หดตัวลง 6.10% ในปี 2563 และเติบโต 1.00% ในปี 2564 ทั้งนี้คาดว่าการส่งออกปี 2565 จะเติบโต 2% และ GDP จะเติบโต 3.60–4.00% และนักท่องเที่ยวต่างชาติจะเดินทางเข้ามาในประเทศไทยจำนวน 8 ล้านคน

ขณะที่กำไรของบริษัทจดทะเบียนจะเติบโต 6% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ในปี 2565 โดยได้รับแรงหนุนจาก GDP ที่เติบโต 3-4% ซึ่ง SCBS ประเมินผลตอบแทนของ SET Index ได้ที่ 5% ภายในสิ้นปี 2565 และ 8% เมื่อรวมเงินปันผล ในกรณีเลวร้ายหากไม่สามารถควบคุมการแพร่ะบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนได้อาจส่งผลให้อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทยลดลงเหลือ 2.60% (กรณีเลวร้ายที่สุด) ส่วนผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนมีโอกาสเติบโตใกล้ 0%

สำหรับกลยุทธ์การลงทุนเน้นหุ้นเติบโตที่ราคาสมเหตุสมผล โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ หุ้นที่คาดว่าผลการดำเนินงานจะกลับมาเติบโตได้ดีตามวัฏจักรเศรษฐกิจและการเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจมากขึ้น ได้แก่ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK หนึ่งในผู้นำด้าน Digital banking คาดกำไรสุทธิปี 2565 มี upside จาก credit cost ที่มีโอกาสลดลง

บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) หรือ AMATA คาดว่ายอดการโอนที่ดินจะเริ่มดีขึ้นตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 ปี 2564 ต่อเนื่องถึงปี 2565 จากลูกค้าหลักในกลุ่มพลังงาน ยานยนต์ และ โลจิสติกส์,

บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ZEN ได้รับประโยชน์จากการกลับมาของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในช่วงที่สถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย ส่งผลบวกต่อแนวโน้มกำไรปี 2565,

บริษัทแลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH โดยปี 2565 คาดได้รับแรงหนุนจากการผ่อนปรน LTV บ้านหลังที่ 2 และ 3 เต็มที่ เนื่องจากบริษัทมีความพร้อมของการเปิดโครงการใหม่ที่จะเพิ่มขึ้น 50%

บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF เนื่องจากกำลังการผลิตจากโรงไฟฟ้าคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 12.4% ต่อปีในช่วง 7 ปีข้างหน้า ส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนใน INTUCH ช่วยสร้างความมั่นคงของกำไรสุทธิ

ขณะที่หุ้นที่มีแนวโน้มเติบโตแบบก้าวกระโดด ได้รับประโยชน์จากเทรนด์การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างธุรกิจของโลกยุคใหม่ ได้แก่ บริษัทเดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA ซึ่งจะได้รับประโยชน์จากฐานลูกค้าในกลุ่ม EV car, พลังงานสะอาด และ โทรคมนาคม

บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC ซึ่งมีโอกาสจ่ายเงินปันผลเพิ่มขึ้นสำหรับปี 2565 เนื่องจากงบลงทุนลดลง รวมถึงได้รับประโยชน์จากเทรนด์ธุรกิจ Metaverse

บริษัท เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ONEE ประเมินธุรกิจโฆษณาผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว โดยจะเริ่มฟื้นตัวชัดเจนในปี 2565

บริษัท เอ็นฟอร์ซ ซีเคียว จำกัด (มหาชน) หรือ SECURE ซึ่งได้รับประโยชน์จากโลกในยุคดิจิทัลที่ทำให้ความปลอดภัยในเรื่องของข้อมูลมีความสำคัญมากขึ้น

บริษัท เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ XPG คาดผลประกอบการปี 2565 Turnaround หลังเข้าสู่ธุรกิจ Digital Asset

Back to top button