โบรกฯ ฟันธง D ไตรมาส 4 โตแกร่ง หนุนทั้งปีพลิกกำไร อัพเป้าใหม่ 6.15 บ.

โบรกฯ ฟันธง D ไตรมาส 4/64 โตแกร่ง หนุนทั้งปี 64 พลิกกำไร 5.2 ลบ. จับตาปี 65-66 กำไรโตต่อ รับดีมานด์ทันตกรรมฟื้น หลังโควิด-19 คลี่คลาย-สังคมผู้สูงอายุ แนะนำ “ซื้อ” อัพเป้าใหม่ 6.15 บ.


บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด หรือ บล.กสิกรไทย ระบุในบทวิเคราะห์เกี่ยวกับหุ้น บริษัท เดนทัล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ D ว่า จากการเข้าร่วมการประชุมกับผู้บริหารของ D ผ่านระบบ Conference Call หลังรายงานผลประกอบการไตรมาส 3/2564 เมื่อวันที่ 23 พ.ย.2564 ที่ผ่านมา คาดการณ์ของบริษัทฯ ถึงทิศทางการเติบโตเป็นไปในเชิงบวก โดยผู้บริหารคาดว่า D จะกลับมาทำกำไรได้ตั้งแต่ไตรมาส 4/2564 เป็นต้นไป

ทั้งนี้ด้วยอัตราการฉีดวัคซีนในประเทศที่มากกว่า 70% จึงคาดว่าประเทศไทยได้เผชิญกับการระบาดของโควิด-19 ที่รุนแรงที่สุดแล้ว ถึงแม้ว่าจะมีการหยิบยกข้อกังวลเกี่ยวกับการระบาดของสายพันธุ์โอมิครอนขึ้นมา แต่ก็มีสัญญาณบ่งชี้ถึงความเสี่ยงที่ลดลง และมีโอกาสเป็นไปได้น้อยที่จะมีการบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์อย่างเต็มรูปแบบอีกครั้งในปี 2565 หรือปี 2566

โดยบล.กสิกรไทย คาดว่าความต้องการบริการทันสตกรรมในประเทศจะกลับสู่ระดับปี 2562 ในปี 2565 โดยได้รับแรงหนุนจากทั้งความจำเป็นและอุปสงค์ที่สะสมจากช่วงก่อน (Pent-up Demand) จากการล็อคดาวน์เป็นเวลา 1 ปี

นอกจากนี้ยังคาดว่า D จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากสภาพสังคมสูงวัยในประเทศ ควบคู่ไปกับการเปลี่ยนแปลงไปสู่สังคมชนชั้นกลางซึ่งเป็นการส่งเสริมธุรกิจด้านทันตกรรมเพื่อความงาม หากมองในระดับนานาชาติจะเห็นแรงเสียดทานของอุปสงค์จากนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่จะกลับมาสู่ระดับก่อนเกิดการระบาดของโควิด-19 เนื่องจากอุปสรรคในการเดินทางระหว่างประเทศที่จะยังคงมีอยู่ในปี 2565

อย่างไรก็ตาม ความต้องการจากกลุ่มคนไข้ต่างชาติคาดว่าจะถูกพึ่งพาน้อยลงจากการเดินทางระหว่างประเทศ ตามแนวโน้มของคนไข้ในประเทศและจะกลับมาอีกครั้งในปี 2565 คาดว่าการเติบโตและความสามารถในการทำกำไรจะเสถียรจากธุรกิจค้าขายของ D จากคาดการณ์ของบล.กสิกรไทย ในเรื่องการล็อคดาวน์

ทั้งนี้กสิกรไทย ได้ปรับประมาณการกำไรของปี 2564 เพื่อสะท้อนผลประกอบการของ D ในไตรมาสก่อนๆ และความสามารถในการทำกำไรในไตรมาส 4/2564 คาดว่ารายได้ในไตรมาส 4/2564 จะอยู่ที่ 159 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% เมื่อเทียบจากปีก่อน และ 28.7% เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน ขณะที่กำไรสุทธิจะอยู่ที่ 5.2 ล้านบาท จากขาดทุน 5 ล้านบาทในไตรมาส 4/2563 และขาดทุน 4 ล้านบาท ในไตรมาส 3/2564 ซึ่งเป็นไตรมาสแรกที่เป็นบวกตั้งแต่ไตรมาส 3/2563 ส่วนรายได้รวมทั้งปี2564 คาดว่าจะอยู่ที่ 492 ล้านบาท ด้วยผลขาดทุนที่ 11.9 ล้านบาท

นอกจากนี้ยังปรับประมาณการกำไรของบล.กสิกรไทย ในปี 2565/2566 เล็กน้อยเป็น 29 ล้านบาท/53 ล้านบาท เพื่อรองรับสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ที่อาจเกิดขึ้นในประเทศ และการกลับมาของนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่ช้ากว่าคาด ขณะที่กำไรเหล่านี้จะมาจากรายได้ที่ 683 ล้านบาท/876 ล้านบาท ตามลำดับ ซึ่งคิดเป็น 88%/113% ของรายได้ในปี 2562

อีกทั้งยังแนะนำ “ซื้อ” คงมุมมองเชิงบวกต่อ D พร้อมปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 6.15 บาท อิงด้วย PER ที่ 39.2 เท่า หรือเท่ากับ 1SD ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย เพื่อสะท้อนความเสี่ยงในระยะสั้นที่ D อาจต้องเผชิญ มองว่าราคาหุ้น D ยัง laggard และเป็นหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากการเปิดประเทศอีกครั้ง บริษัทฯ ส่งสัญญาณการฟื้นตัวตั้งแต่เนิ่นๆ ถึงแม้ว่าจะมีความท้าทายหลายอย่าง

Back to top button