SYNEX อวดงบ Q4/64 “ออลไทม์ไฮ” ดันกำไรทั้งปีแตะ 857 ลบ. แจกปันผล 0.52 บ.

SYNEX อวดงบ Q4/64 “ออลไทม์ไฮ” ดันกำไรทั้งปีแตะ 857 ลบ. โต 33% รับสถานการณ์โควิดดันเทคโนโลยีบูม บวกกลยุทธ์ขยายพอร์ตสินค้าตอบรับเทรนด์ขาขึ้น พร้อมแจกปันผล 0.52 บ.


นางสาวสุธิดา มงคลสุธี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SYNEX ดิสทริบิวเตอร์ผู้นำด้านไอทีอีโคซิสเต็ม เปิดเผยถึง ความสำเร็จของผลประกอบการไตรมาส 4 ปี 2564 กำไรทำสถิติสูงสุดใหม่ เป็นไตรมาสที่ดีที่สุดนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทฯ โดยมีรายได้จากการขายและให้บริการ 11,170.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,479.2 ล้านบาท หรือ 28.53% มีกําไรขั้นต้น 528.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 176.5 ล้านบาท หรือ 50.19% และมีกําไรสุทธิ 265.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 91.2 ล้านบาท หรือ 52.26% จากงวดเดียวกันของปีก่อน

ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นพุ่งสูงต่อเนื่องที่ 4.73% จากช่วงไฮซีซั่นธุรกิจ มีการเปิดตัวสินค้าใหม่ และมาตรการภาครัฐกระตุ้นเศรษฐกิจหนุนกำลังซื้อเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มแอปเปิ้ลที่เข้ามาช่วยเสริมการเติบโตอย่างโดดเด่น ยอดการสั่งจองรุ่น iPhone 13 ล้นหลาม รวมทั้งสินค้ากลุ่ม iPad, Air Pods 3,  MacBook Pro, Apple watch Series7 ที่เข้ามาเสริมทัพ เป็นอีกแรงกระตุ้นตลาดสินค้าเทคโนโลยี ขณะที่ สินค้าสมาร์ทโฟนแบรนด์ชั้นนำเสิร์ฟความต้องการผู้บริโภคที่ต้องการเปลี่ยนอุปกรณ์สื่อสารรับยุค 5G มากขึ้น

ทั้งนี้ส่งผลให้ในตลอดทั้งปี 2564 บริษัทฯ สามารถทำรายได้จากการขายและให้บริการ 37,085.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4,936.7 ล้านบาท หรือ 15.36% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และมีกําไรขั้นต้น 1,783.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 375.9 ล้านบาท หรือ 26.70% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดยมีกําไรสุทธิ 856.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 214.6 ล้านบาท หรือ 33.43% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 4.81%

อย่างไรก็ดีภาพรวมดีมานด์ของสินค้าบางกลุ่มได้รับการตอบรับมากขึ้น จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ตลอดช่วงระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา ทำให้เกิดพฤติกรรมใหม่ผู้บริโภค อาทิ การ Work from home การจัดประชุมผ่านออนไลน์ รวมถึงการซื้อขายสินค้า และธุรกรรมทางการเงิน เป็นปัจจัยบวกที่ส่งผลให้ผู้บริโภคมองหาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เพื่อมาอำนวยความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตมากขึ้น อีกทั้งยังมีนโยบายภาครัฐที่ช่วยกระตุ้นการซื้อสินค้า จากโครงการ ช้อปดีมีคืน หนุนบรรยากาศการจับจ่ายใช้สอยคึกคัก โดยเฉพาะสินค้าเทคโนโลยี

นอกจากนี้บริษัทฯ ได้ขยายอีโคซิสเต็ม จับมือกับพาทเนอร์รายใหม่เข้ามาเสริมความแกร่งให้ธุรกิจ รองรับความต้องการผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น และครบวงจร โดยเฉพาะสินค้าที่เป็นเทรนด์ของโลก เช่น กลุ่ม Lifestyle, Smart Health และ Gaming ล่าสุดประกาศจับมือ NADZ และ NGIN รุกตลาดเกมคอนโซลอย่างเต็มรูปแบบ คาดจะเห็นความคืบหน้าเร็วๆ นี้ รวมทั้ง การต่อยอดธุรกิจ ผ่าน ซินเน็ค อินคิวท์เบชั่น (Synnex Incubation) คาดจะเห็นความคืบหน้าในบริษัท สวอป มาร์ท จำกัด (SWOPMART) ซึ่งเป็นบริษัทแรกที่ได้เข้าไปลงทุน เก็บเกี่ยวผลงานและกางโปรเจกต์ใหม่ในเร็วๆ นี้เช่นกัน

“โลกในยุคปัจจุบัน ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี และแน่นอนว่า จะส่งผลดีต่อซินเน็คฯ ในฐานะที่เราเป็นผู้นำในตลาดนี้ และสามารถทำผลงานปี 2564 ที่ประกาศออกมาได้อย่างน่าประทับใจ รับความต้องการผู้บริโภค และองค์กรธุรกิจ ที่ต้องปรับตัว นำไอทีและเทคโนโลยีขับเคลื่อนการทำงาน การเรียนการสอน และเชื่อมต่อในโลกออนไลน์มากขึ้น ทำให้ซินเน็คฯ ยังมีอีกหลายภารกิจที่ต้องเดินหน้าต่อ และไม่หยุดที่จะพัฒนา มุ่งสู่การเป็นผู้นำด้านไอทีอีโคซิสเต็มได้อย่างชัดเจนตามเป้าหมายในปี 2565 ที่เราวางไว้  รวมถึง การจับมือพันธมิตรรายใหม่ๆ เข้ามาต่อยอดธุรกิจ ซึ่งคาดว่า จะเป็นโอกาสทองของเราให้เติบโตต่อไป ด้วยเป้าหมายที่ใหญ่ขึ้น” นางสาวสุธิดา กล่าว

ทั้งนี้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้น โดยเป็นเงินปันผลที่หุ้นละ 0.70 บาท คิดเป็น 74.90% ของกำไรสุทธิปี 2564 ทั้งนี้บริษัทฯ จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้วในปี 2564 ที่ 0.18 บาท ทำให้คงเหลือการจ่ายเงินปันผลที่จะจ่ายจากงวดการดำเนินงานของครึ่งปีหลัง 2564 อีก 0.52 บาท โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้น (Record Date) ในวันที่ 11 มีนาคม 2565 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 5 พฤษภาคม 2565 ย้ำการเป็นหุ้นปันผลเด่นที่ตอบแทนผู้ถือหุ้นสม่ำเสมอ

อีกทั้งอนุมัติเพิ่มทุนจดทะเบียนในบริษัท เซอร์วิส พ้อยท์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย จำนวน 100,000,000 บาท จากทุนจดทะเบียนเดิม 15,000,000 บาท เป็น 115,000,000 บาท มูลค่าหุ้นละ 100 บาท โดยการออกหุ้น สามัญใหม่ จำนวน 1,000,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 100 บาท และอนุมัติเรียกชำระค่าหุ้นของ บริษัท ซินเน็ค อินคิวท์เบชั่น จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย จำนวน 1,000,000 หุ้น เพิ่มหุ้นละ 65 บาท เป็นจำนวนเงิน 65,000,000 บาท และ เพิ่มทุนจดทะเบียน จำนวน 155,000,000 บาท จากทุนจดทะเบียนเดิม 100,000,000 บาท เป็น 255,000,000 บาท มูลค่าหุ้นละ 100 บาท โดยการออกหุ้นสามัญใหม่จำนวน 1,550,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 100 บาท เพื่อเป็นการเพิ่มศักยภาพในการดำเนินธุรกิจ และเสริมความแข็งแกร่งในการต่อยอดไอทีอีโคซิสเต็ม

Back to top button