เปิดโผ 6 แบงก์กำไร Q2 โตต่อ ดันงบทั้งปีทะลัก โบรกเร่งอัพราคา ชู KTB เป้า 16 บ.

เปิดโผ 6 แบงก์กำไร Q2 โตต่อเนื่อง ได้แก่ KBANK, KTB, BBL, TTB, KKP และ TISCO ดันงบทั้งปีโตทะลัก โบรกเร่งอัพราคา ชู KTB เป้า 16 บ.      


กลุ่มธนาคารพาณิชย์ประกาศงบการเงินไตรมาส 1/2565 ออกมาครบเรียบร้อยเป็นที่ประจักษ์ว่าส่วนใหญ่ดีกว่านักวิเคราะห์และตลาดคาดการณ์ไว้ โดยภาพรวมกำไรสุทธิไตรมาส 1/2565 อยู่ที่ 53,338 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.40% เมื่อเทียบจากไตรมาส 1/2564 กำไรสุทธิอยู่ที่ 46,631 ล้านบาท

ทั้งนี้เมื่อผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2565 ของแบงก์ออกมาแกร่งรับอานิสงส์จากสินเชื่อขยายตัวเพิ่มขึ้น และมีการตั้งสำรองหนี้ลดลง โอกาสที่แนวโน้มไตรมาส 2/2565 ผลประกอบการจะยังเติบโตต่อเนื่องค่อนข้างสูง เพราะรัฐบาลประกาศเปิดประเทศเต็มตัวช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจฟื้นตัวดีขึ้น

สอดคล้องกับบริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) ได้มีการประเมินว่าผลประกอบการกลุ่มแบงก์มีโอกาสเติบโตต่อเนื่อง อย่างเช่น KBANK, KTB, BBL, TTB, KKP และ TISCO เป็นต้น

โดยบล.เคทีบีเอสที ระบุว่า ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK แนวโน้มกำไรสุทธิในไตรมาส 2/2565 จะเติบโตต่อเนื่อง เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน รับปัจจัยบวกมาจากการตั้งสำรองลดลง พร้อมกับประเมินกำไรสุทธิปี 2565 คาดอยู่ที่ 4.20 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 3.81 หมื่นล้านบาท แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 190 บาท

ขณะที่ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2565 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1.12 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.50% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 1.06 หมื่นล้านบาท เป็นผลมาจากรายได้ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น

ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB โดยคาดการณ์กำไรสุทธิไตรมาส 2/2565 จะเติบโตต่อเนื่อง แนวโน้มกำไรจะเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน มาจากการตั้งสำรองที่ลดลง พร้อมกับประเมินกำไรสุทธิในปี 2565 อยู่ที่ 2.90 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 33% จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 2.16 หมื่นล้านบาท แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 16 บาท

ขณะที่ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2565 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 8.78 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 57.40 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 5.57 พันล้านบาท สาเหตุมาจากรายได้รวมขยายตัวทั้งจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่เพิ่มขึ้น 5.6% จากสินเชื่อที่เติบโต อีกทั้งธนาคารมีการบริหารต้นทุนทางการเงินเป็นอย่างดีอย่างต่อเนื่อง และมีรายได้จากการดำเนินงานอื่นที่ขยายตัว รวมถึงการควบคุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL โดยแนวโน้มกำไรสุทธิไตรมาส 2/2565 จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งได้ทั้งจากงวดเดียวกันของปีก่อน และจากไตรมาสก่อนหน้า มาจากการตั้งสำรองที่ลดลง พร้อมกับประเมินกำไรสุทธิปี 2565คาดอยู่ที่ 2.80 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 2.65 หมื่นล้านบาท แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 146 บาท

ขณะที่ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2565 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 7.11 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.80% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 6.92 พันล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.4 จากการเพิ่มขึ้นของปริมาณเงินให้สินเชื่อ และค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานลดลง

ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TTB โดยคาดการณ์ไตรมาส 2/2565 กำไรสุทธิจะเติบโตต่อเนื่องจากงวดเดียวกันของปีก่อน มาจากค่าใช้จ่ายที่ลดลงเป็นหลัก พร้อมกับคาดกำไรสุทธิในปี 2565 อยู่ที่ 1.28 หมื่นล้านบาท เติบโตได้ถึง 23% จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 1.05 หมื่นล้านบาท แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 1.80 บาท

ขณะที่ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2565 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 3.19 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 2.78 พันล้านบาท สาเหตุหลักมาจากการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายที่ดี นอกจากนี้ด้านคุณภาพสินทรัพย์บริหารจัดการได้ดีภายใต้การบริหารความเสี่ยงอย่างรอบคอบท่ามกลางสภาพเศรษฐกิจที่มีความผันผวน

ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) หรือ KKP โดยคาดการณ์กำไรสุทธิไตรมาส 2/2565 จะเติบโตเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน มาจากสินเชื่อยังคงขยายตัวดีต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังมีธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับตลาดทุน (EDT) ซึ่งช่วยให้กำไรเติบโตเหนือกลุ่มฯ พร้อมกับประเมินกำไรสุทธิในปี 2565 อยู่ที่ 7.60 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 6.32 พันล้านบาท แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 84 บาท

บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TISCO โดยแนวโน้มกำไรสุทธิไตรมาส 2/2565 จะยังคงเติบโตได้ต่อเนื่องจากงวดเดียวกันของปีก่อน มาจากการตั้งสำรองที่ลดลง รวมถึงการกลับมาเร่งปล่อยสินเชื่อที่มีผลตอบแทนสูงอย่างสมหวังมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ NIM จะยังทรงตัวในระดับสูงต่อไปได้ พร้อมกับประเมินกำไรสุทธิในปี 2565 อยู่ที่ 6.90 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.40% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 6.78 พันล้านบาท แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 110 บาท

ขณะที่ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2565 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1.79 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.80% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 1.76 พันล้านบาท สาเหตุหลักมาจากค่าใช้จ่ายผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (ECL) ลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 0.2 ของยอดสินเชื่อเฉลี่ยเป็นไปตามคุณภาพสินทรัพย์ที่ปรับตัวดีขึ้น โดยระดับสินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิต (NPLs) ลดลงอย่างมากถึง 570.93 ล้านบาท หรือคิดเป็น NPL Ratio ลดลงจากร้อยละ 2.44 มาเป็นร้อยละ 2.15 ของสินเชื่อรวม บริษัทฯ จึงตั้งสำรองลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

Back to top button