STI โชว์แบ็คล็อก 4 พันลบ. โบรกอัพเป้า 13.91 บ. ย้ายเทรด SET ไตรมาส 2

 STI คว้างานโครงการใหม่ หนุน “แบ็คล็อก” แน่น 4 พันลบ. ทยอยรับรู้รายได 3-5 ปี เผยรอเซ็นสัญญาอีกหลายโครงการ ฟาก "บล.ดีบีเอสฯ" แนะนำ “ซื้อ” อัพราคาเป้าหมายเป็น 13.91 บ. จากเดิม 11.82 บ. เตรียมย้ายเทรด SET ไตรมาส 2


นายสมเกียรติ ศิลวัฒนาวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สโตนเฮ้นจ์ อินเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ STI เปิดเผยว่า หลังจากมูลค่างานในมือ (Backlog) ที่มีอยู่กว่า 4,000 ล้านบาทก็สามารถหนุนการรับรู้รายได้ที่แข็งแกร่งสวยๆ ไปในระยะ 3-5 ปีจากนี้ ซึ่งยังไม่นับรวมงานใหม่ๆ ที่เตรียมจะประกาศต่อเนื่องอีกตลอดทั้งปี จึงสะท้อนความเชื่อมั่นมาที่แผนการขยายฐานทุน เพื่อเข้าสู่การเติบโตครั้งใหญ่ของบริษัท

โดยที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2565 มีมติอนุมัติจ่ายปันผลเป็นหุ้นสามัญของบริษัทให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตรา 0.8 หุ้นเดิม ต่อ 1 หุ้นใหม่ คิดเทียบเป็นมูลค่าเท่ากับอัตราการจ่ายปันผลหุ้นละ 0.625 บาทต่อหุ้น และบวกจ่ายปันผลเป็นเงินสดให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 0.0694444444 บาท รวมการจ่ายเงินปันผลเท่ากับอัตราหุ้นละ 0.6944444444 บาท กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้น วันที่ 11 พฤษภาคม 2565 รวมถึงจ่ายปันผลเป็นหุ้นสามัญและเงินสดภายในวันที่ 27 พฤษภาคม 2565

พร้อมทั้งอนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัท จำนวน 167,500,000 บาท เป็นทุนจดทะเบียนจำนวน 301,500,000 บาท เพื่อให้สอดรับกับการขยายการเติบโตของบริษัทและการย้ายเข้าเทรดใน SET ตอกย้ำความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในวงการวิศวกรรมมาอย่างยาวนาน

ทั้งนี้ ล่าสุดกลุ่ม STI โดย บริษัท เอเชี่ยน เอ็นจิเนียริ่ง คอนซัลแต้นส์ จำกัด หรือ AEC ส่งสัญญาณแค่ไตรมาสแรกของปี งานใหม่โครงการใหญ่ที่ได้รับมาก็สะท้อนทิศทางบวกธุรกิจ ได้แก่ งานสำรวจ, ออกแบบรายละเอียด และจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม ,โครงการก่อสร้างทางรถไฟ ช่วงชุมพร-ท่าเรือน้ำลึกระนอง , งานจ้างควบคุมงานก่อสร้าง, โครงการเอกชนร่วมลงทุนในส่วนการดำเนินงาน และบำรุงรักษา (O&M) ทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองสายบางใหญ่-กาญจนบุรี ,งานจ้างควบคุมงานก่อสร้างโครงการ, เอกชนร่วมลงทุนในส่วนการดำเนินงาน และบำรุงรักษา (O&M) ทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองสายบางปะอิน-นครราชสีมา, โครงการจ้างวิศวกรที่ปรึกษาสำรวจ และออกแบบทางหลวง 4 ช่องจราจร

นอกจากนี้ยังมีทางเลี่ยงเมืองลพบุรีด้านเหนือ , งานจ้างที่ปรึกษา เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงานคัดเลือกเอกชนเข้าร่วมลงทุนโครงการทางพิเศษสายกะทู้-ป่าตอง จังหวัดภูเก็ต , โครงการจ้างวิศวกรที่ปรึกษาสำรวจและออกแบบทางหลวง 4 ช่องจราจร บนทางหลวงหมายเลข 3486 ช่วง บ.กุดเตย-บ.ใหม่ไทยถาวร และบนทางหลวงหมายเลข 348 อ.ตาพระยา จังหวัดสระแก้ว-อ.โนนดินแดง จังหวัดสระแก้วและบุรีรัมย์, งานศึกษาความเหมาะสมทางด้านวิศวกรรม เศรษฐกิจ การเงิน และผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการทางพิเศษสายเมืองใหม่-เกาะแก้ว-กะทู้ จังหวัดภูเก็ต หนุนกลุ่ม STI งานในมือ (Backlog) แข็งแกร่งทะลุ 4,000 ล้านบาท และยังมีไฮไลท์จากโครงการที่อยู่ระหว่างรอเซ็นสัญญาอีกหลายโครงการ

ด้าน บล.ดีบีเอส วิเคอร์ส (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2565 คาดผลประกอบการในไตรมาส 1/2565 มีโอกาสชะลอตัวจากไตรมาส 4/2564  เนื่องจากเป็นช่วงรอยต่อหลังจากสถานการณ์โควิด-19 แต่คาดว่าแนวโน้มรายได้จะทยอยฟื้นตัวขึ้นในช่วงต่อจากนี้ ในขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นคาดว่าทรงตัวที่ระดับ 31% ได้ ถือว่ายังเป็นระดับที่สูงกว่าอุตสาหกรรมฯ

ทั้งนี้ คาดว่าในช่วงหลังจากนี้  โดยเฉพาะครึ่งหลังของปี การลงทุนมีโอกาสกลับมาฟื้นตัวทั้งในส่วนของภาครัฐและภาคเอกชน โดยปกติบริษัทมี Backlog ประมาณ 4 พันล้านบาท แต่มีโอกาสสูงที่จะทยอยเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ เป็นระดับที่สูงกว่า 5 พันล้านบาท จากงานประมูลของภาครัฐหลายโครงการที่จะเข้ามาไม่ว่าจะเป็น รถไฟทางคู่ 2 เส้นทางมูลค่ารวม 800 ล้านบาท รถไฟฟ้าสายสีม่วง และรถไฟฟ้าสีส้มตะวันตก ส่วนงานภาคเอกชนยังมุ่งเน้นงานกลุ่มธุรกิจที่เติบโตสูงรวมถึงธุรกิจเมกะเทรนด์อย่างโรงพยาบาล, อาคาร และคลังสินค้า

อย่างไรก็ดียังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ใช้ราคาพื้นฐานปี 2565 ที่ 13.91 บาท จากเดิม 11.82 บาท และราคาหลัง XD หุ้นปันผลอยู่ที่ 6.18 บาท โดยอ้างอิงกับ P/E ที่ 20 เท่า จากเดิม 17 เท่า จากงานในมือที่มีโอกาสเพิ่มสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ และหุ้นในกลุ่มเดียวกันซื้อขายที่ P/E เพิ่มสูงขึ้นมาก รวมถึงเตรียมย้ายเข้า SET ในไตรมาส 2/2565 ทำให้สภาพคล่องในการซื้อและขายเพิ่มขึ้น

Back to top button