PTG ไตรมาส 1 โกยรายได้ 3.89 หมื่นลบ. โต 21% อานิสงส์ธุรกิจ “น้ำมัน-นอนออยล์” เด่น

PTG ไตรมาส 1 โกยรายได้ 3.89 หมื่นลบ. โต 21% อานิสงส์รายได้ "น้ำมัน-นอนออยล์" เด่น มาจากราคาขายปลีกหน้าสถานีบริการเพิ่มขึ้น และธุรกิจ Non-Oil ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง


บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG รายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1/2565 สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค.2565 ดังนี้

บริษัทฯ มีกำไรสุทธิไตรมาส 1/2565 อยู่ที่ 160.04 ล้านบาท ลดลง 69.88% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไร 531.37 ล้านบาท โดยกำไรที่ลดลงเนื่องมาจากปริมาณการจำหน่ายน้ำมันผ่านทุกช่องทางลดลง 5.40% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และ ลดลง 1.70% จากไตรมาสก่อนหน้า จากราคาน้ำมันที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องและจากการแพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 อีกทั้งมีต้นทุนการขายและบริการ อยู่ที่ 36,394 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.60% จากงวดเดียวกันของปีก่อนและเพิ่มขึ้น 2.40% จากไตรมาสก่อนหน้า มาจาก 1.ต้นทุนน้ำมันยังคงปรับตัวสูง 2.รัฐประกาศขอความร่วมมือจากบริษัทผู้ค้าปลีกนั้นให้รักษาระดับขายปลีกน้ำมันดีเซลที่ 30 บาทต่อลิตร

นอกจากนี้มีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร อยู่ที่ 2,186 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.30% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 7.30% จากไตรมาสก่อนหน้า ทั้งนี้ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารยังคงมาจาก ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับ พนักงาน ค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สิน และค่าโฆษณา ค่าส่งเสริมการขาย และค่าบริการ

ส่วนอีบิทด้า อยู่ที่ 1,263 ล้านบาท ลดลง 24% จากงวดเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักมาจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายของโครงสร้างราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลของภาครัฐ ส่งผลต่อค่าการตลาดดังที่กล่าวข้างต้น และได้ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมทุน อยู่ที่ 27 ล้านบาท ลดลง 65.90% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และลดลง 43.10% จากไตรมาสก่อนหน้า ปัจจัยหลักมาจาก โครงการ Palm Complex ที่ราคาปาล์มในไตรมาสที่ 1/2565 อยู่ในระดับสูง ส่งผลให้ต้นทุนในการผลิตไบโอดีเซลสูงตามไปด้วย ประกอบกับการเปลี่ยนแปลงนโยบายไบโอดีเซลของรัฐบาลในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ความต้องการใช้ไบโอดีเซลในประเทศลดลง

อย่างไรก็ดีบริษัทฯ มีรายได้จากการขายและการบริการ อยู่ที่ 38,969 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.80% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 3.60% จากไตรมาสก่อนหน้า สาเหตุหลักมาจากราคาขายปลีกหน้าสถานีบริการเฉลี่ยอยู่ที่ 29.35 บาท เพิ่มขึ้น 26.60% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 5.6% จากไตรมาสก่อนหน้า ทำให้รายได้จากธุรกิจน้ำมันเติบโตขึ้น อยู่ที่ 37,167 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 19.80% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 3.8% จากไตรมาสก่อนหน้า

ทั้งนี้รายได้จากธุรกิจ Non-Oil ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง อยู่ที่ 1,802 ล้านบาท เติบโต 44.10% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และเติบโต 0.30% จากไตรมาสก่อน โดยปัจจุบันมีสาขาของธุรกิจ Non-Oil รวมทั้งสิ้น 1,228 สาขา เติบโต 255 สาขา หรือ 26.20% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และเติบโต 84 สาขา หรือคิดเป็น 7.30% จากไตรมาสก่อนหน้า โดย รายได้จากธุรกิจ Non-Oil คิดเป็นสัดส่วน 4.6% ของรายได้ทั้งหมด เพิ่มขึ้นจาก 3.90% ในไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า และใกล้เคียงกับไตรมาสที่แล้ว

Back to top button