FTE ส่งซิก Q2 ธุรกิจดับเพลิงเด่น เล็งกวาดงานเพิ่ม 150 ลบ. ดันรายได้ปีนี้โต 20%

FTE ส่งซิกไตรมาส 2 ธุรกิจดับเพลิงเด่น เล็งกวาดงานเพิ่ม 150 ลบ. หนุนแบ็คล็อก 470 ลบ. ผลักดันรายได้ปีนี้โตตามเป้า 20% รักษาอัตรากำไรสุทธิไม่ต่ำกว่า 8%


บริษัท ไฟร์เทรดเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ FTE รายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1/2565 สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค.2565 ดังนี้

โดยนายทักษิณ ตันติไพจิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร FTE ผู้นำธุรกิจนำเข้าและจำหน่าย บริการออกแบบ รับเหมาติดตั้ง ซ่อมแซม ตรวจสอบอุปกรณ์-ระบบดับเพลิงครบวงจร เปิดเผยว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมติดตั้งระบบดับเพลิง คาดว่าจะมีแนวโน้มดีขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 2/2565 เป็นต้นไป จากการที่ภาครัฐและเอกชนทยอยลงทุนมากขึ้นตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา

โดยในช่วงไตรมาส 2/2565 บริษัทรับงานจัดหาและติดตั้งระบบดับเพลิงได้แล้วรวมกว่า 93.60 ล้านบาท อาทิ โครงการสถานีไฟฟ้าย่อยของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย: กฟผ.(EGAT) และโครงการโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ

นอกจากนี้บริษัทเข้าร่วมประมูลและนำเสนองานจัดหาและติดตั้งระบบดับเพลิงภาครัฐและเอกชน มูลค่ารวมกว่า 300 ล้านบาท คาดว่าจะมีโอกาสรับงานประมาณ 150  ล้านบาท ปัจจุบันมีงานในมือ (Backlog) ประมาณ 470 ล้านบาท แบ่งเป็นงานออกแบบติดตั้งระบบดับเพลิง 320 ล้านบาท และงานจัดจำหน่าย 150 ล้านบาท

“บริษัทยังคงมุ่งเน้นกระจายความเสี่ยงการรับงานหลากหลายกลุ่มอุตสาหกรรม รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารโครงการทั้งเรื่องคุณภาพและระยะเวลาในการติดตั้ง ควบคู่กับการบริหารจัดการต้นทุน ควบคุมค่าใช้จ่าย ซึ่งหากบริษัทสามารถดำเนินได้ตามแผนและส่งมอบงานได้ตามกำหนด เชื่อว่าจะสามารถเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้รายได้โต 20% หรือ 1,200 ล้านบาท รักษาอัตรากำไรสุทธิไม่ต่ำกว่า 8 %” นายทักษิณ กล่าว

สำหรับผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2565 บริษัทมีรายได้รวม 238.64 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 261.64 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 6.74 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 12.48 ล้านบาท

ส่วนสาเหตุที่รายได้ปรับตัวลดลงเล็กน้อย เนื่องจากผู้รับเหมาส่งมอบงานล่าช้ากว่ากำหนด และช่วงต้นปีนี้บริษัทได้รับงานโครงการมูลค่าลดลง ส่วนกำไรสุทธิที่ลดลง เนื่องจากบริษัทตั้งผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (หนี้สงสัยจะสูญ) จำนวน 13.40 ล้านบาท สาเหตุจากลูกหนี้ชำระเงินล่าช้า อย่างไรก็ตามบริษัทเร่งบริหารจัดการเรื่องการติดตามลูกหนี้ รวมถึงเพิ่มกระบวนการพิจารณาการให้วงเงินเครดิตลูกค้าอย่างละเอียดมากขึ้น

ขณะที่บริษัทมีกำไรขั้นต้น 58.73 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 0.15 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน หรือมีอัตรากำไรขั้นต้น 24.86% เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีอัตรากำไรขั้นต้น 22.43% เนื่องจากการบริหารจัดการต้นทุนสินค้าได้ถูกลง

Back to top button