“อาคม” มั่นใจลด “ภาษีดีเซล” 5 บ./ลิตร สูญเงิน 1.9 หมื่นล. ไม่กระทบวินัยคลัง

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผย ครม.ลดภาษีสรรพสามิตน้ำดีเซล 5 บ./ลิตร จำนวน 2 เดือน ทำรัฐสูญเงิน 1.9 หมื่นล้านบาท แต่มั่นใจไม่กระทบวินัยการคลัง และได้ช่วยประชาชนในช่วงที่ราคาน้ำมันตลาดโลกพุ่งสูง


นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี หรือ ครม. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่…) พ.ศ. … โดยสาระสำคัญ เป็นการลดอัตราภาษีสรรพสามิตสินค้าน้ำมันดีเซล และน้ำมันอื่นๆ ที่คล้ายกันในบัญชีพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต ประเภทรายการน้ำมันดีเซลที่มีกำมะถันและรายการน้ำมันดีเซลที่มีไบโอดีเซล ประเภทเมทิลเอสเตอร์ของกรดไขมันผสมอยู่

โดยปรับอัตราภาษีลงประมาณ 5 บาทต่อลิตร ตามชนิดของน้ำมันดีเซล ให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 21 พฤษภาคม-20 กรกฎาคม 2565 ซึ่งเป็นมาตรการต่อเนื่องจากการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลตามกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ 19) พ.ศ.2565 ที่ส่งผลให้ภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลและน้ำมันอื่น ปรับลดลงประมาณ 3 บาทต่อลิตร มีผลบังคับถึงวันที่ 20 พฤษภาคมนี้  เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนและภาคธุรกิจในช่วงที่ระดับราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน โดยการปรับลดอัตราภาษีดังกล่าวจะทำให้รายได้ของรัฐหายไปเฉลี่ยเดือนละ 9,911 ล้านบาท หรือ รวมประมาณ 19,822 ล้านบาท

นายอาคม ยังระบุว่า รายได้ที่หายไปจากการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล  จะไม่กระทบต่อเป้าหมายการจัดเก็บรายได้ทั้งปีงบประมาณ 2565 ที่ตั้งเป้าไว้ที่ 2.4 ล้านล้านบาท ซึ่งขณะนี้ผ่านมา 6 เดือนของปีงบประมาณ 2565 (เดือนตุลาคม 2564 – มีนาคม 2565) สามารถจัดเก็บรายได้รวมเกินเป้าหมายประมาณ 68,890 ล้านบาท ซึ่งอัตราภาษีดีเซลที่ลดลง 5 บาท/ลิตรนั้น ยังมีส่วนต่างภาษีที่ยังเหลืออยู่แม้จะไม่มาก แต่คลังยังสามารถบริหารจัดการในช่วง 2 เดือนที่มีมาตรการได้ ส่วนหลังจากนั้นยังต้องติดตามสถานการณ์กันต่อไป

สำหรับอัตราภาษีสรรพาสามิตน้ำมันดีเซลที่กระทรวงการคลังทำการปรับลดลงให้ 5 บาทต่อลิตรนั้น นายอาคม ระบุว่า กระทรวงพลังงานจะมีการประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง หรือ กบน. เพื่อบริหารจัดการอีกครั้ง ซึ่งในมาตรการเดิม การลดภาษีดีเซล 3 บาท ทาง กบน. ก็ได้แบ่งเงิน 1 บาทใส่กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อเสริมสภาพคล่อง เพราะขณะนี้กองทุนน้ำมันฯ ยังคงมีสถานะติดลบ ขณะที่ในส่วนของน้ำมันเบนซินนั้น ขณะนี้มีนโยบายยังคงปล่อยลอยตัว

ขณะที่เงินกู้ ภายใต้ พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) กู้เงินเพิ่มเติมวงเงิน 5 แสนล้านบาท ซึ่งขณะนี้คงเหลือประมาณ 4.8 หมื่นล้านบาทนั้น นายอาคม เปิดเผยว่า จะเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการกลั่นกรองเงินกู้ในการพิจารณาใช้จ่ายเงิน ซึ่งมีโครงการต่างๆ ที่ได้เสนอขอใช้เงินไปแล้ว โดยในส่วนของกระทรวงการคลัง ยังไม่มีการเสนอโครงการใดๆ เข้าไป รวมถึงโครงการคนละครึ่งเฟส 5 เนื่องจากยังต้องรอติดตามสถานการณ์การบริโภคในประเทศ และเศรษฐกิจอีกครั้ง ที่ขณะนี้หลายๆ ประเทศเศรษฐกิจก็เริ่มดีขึ้น ยกเว้นจีนที่ยังคงมาตรการล็อกดาวน์ ซึ่งอาจกระทบต่อด้านการส่งออกสินค้าบ้าง

ขณะเดียวกันตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หรือ จีดีพี ของปี 2565 ที่มีหลายสถาบันได้ปรับประมาณการลดลง แต่ยังคงอยู่ในทิศทางเป็นบวก ก็สะท้อนสัญญาณเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว ซึ่งยังต้องรอติดตามการประชุม ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.)ในวันที่ 20 พฤษภาคมนี้ ว่าจะมีมาตรการผ่อนคลายออกมาเพิ่มเติมอย่างไร เพราะจะส่งผลดีต่อตัวเลขภาคการท่องเที่ยว ซึ่งหากเป็นไปตามเป้าหมายที่ 7 ล้านคนในปี2565 และทำให้ภาคบริการและการผลิตได้รับอานิสงค์ด้วย

Back to top button