ผวา! ราคา “แอลเอ็นจี” พุ่ง หลังรง. “Freeport LNG” สหรัฐฯ ไฟไหม้ปิดซ่อม 3 วีค

ผวา! ราคา “แอลเอ็นจี” พุ่ง หลังโรงงานส่งออก “Freeport LNG” ในรัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา ไฟไหม้ปิดซ่อม 3 สัปดาห์ ด้านนักวิเคราะห์ประเมินการปิดซ่อมจะส่งผลให้ราคาก๊าซในสหรัฐและตลาดโลกปรับตัวเพิ่มขึ้น


สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เกิดเหตุระเบิดและเกิดไฟไหม้ขึ้นที่โครงสร้างส่วนการส่งออกของโรงงาน Freeport LNG ในรัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 8 มิถุนายนที่ผ่านมา ส่งผลให้บริษัทซึ่งเป็นผู้ผลิตและส่งออกก๊าซธรรมชาติเหลว หรือ แอลเอ็นจี (LNG) ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของสหรัฐอเมริกาต้องปิดตัวลงเป็นเวลา 3 สัปดาห์ และจะส่งผลกระทบกับราคาก๊าซธรรมชาติตามมา

โดยนักวิเคราะห์ระบุว่า เหตุไฟไหม้ดังกล่าวมีความไปได้ว่าจะส่งผลกับตลาดในยุโรปและเอเชีย เนื่องจาก Freeport LNG ซึ่งประกาศปิดโรงงานในวันเดียวกัน นั้นเป็นผู้ผลิตแอลเอ็นจีคิดเป็นสัดส่วนถึง 20 เปอร์เซ็นต์ของการผลิตในสหรัฐทั้งหมด

สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวจะส่งผลกระทบกับตลาดแอลเอ็นจี ที่ประสบปัญหาก่อนหน้านี้อยู่แล้วหลังจากชาติในยุโรปแบนการนำเข้าแอลเอ็นจีจากรัสเซียลง เพื่อเป็นการคว่ำบาตรรัสเซียที่นำกำลังทหารรุกรานยูเครน โดยการปิดบริษัท 3 สัปดาห์จะส่งผลให้แอลเอ็นจี หายไปจากตาดอย่างน้อย 1 ล้านตัน และนั่นส่งผลให้เกิดการขาดแคลนแอลเอ็นจีในตลาดและทำให้ราคาก๊าซแอลเอ็นจีในตลาดสูงขึ้นในที่สุด

อีกทั้งรายงานระบุว่าโรงงาน Freeport LNG สามารถผลิตก๊าซธรรมชาติได้แบบเต็มกำลังมากถึง 2,100 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน และสามารถส่งออกแอลเอ็นจีได้มากถึง 15 ล้านตันต่อปี ขณะที่สหรัฐอเมริกาสามารถส่งออกแอลเอ็นจีได้สูงที่สุดที่ 9,700 ล้านลูกบาศก์ฟุตเมื่อปี 2564 ที่ผ่านมา

โดยข้อมูลเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา Freeport LNG ใช้ท่าเรือส่งออกในรัฐเท็กซัสส่ง LNG จำนวนราว 64,000 ล้านลูกบาศก์ฟุตไปยังยุโรป เกาหลีใต้ และจีน

สำหรับ Freeport LNG ก่อตั้งเมื่อปี 2545 โดยมหาเศรษฐีนามว่า Michael Smith (ไมเคิล สมิท) และเป็นเจ้าของบริษัทก๊าช อาทิ  BP, JERA, Kansai Electric, Osaka Gas, SK E&S และ TotalEnergies โดยตอนนี้ Freeport กำลังอยู่ระหว่างเพิ่มกำลังการผลิตของโรงงานเป็น 20 MTPA ทั้งนี้โรงงาน Freeport LNG เป็นโรงงานก๊าซแห่งเดียวในสหรัฐอเมริกาและเป็นหนึ่งในสองสถานีส่งออกของโลก

โดยภายหลังจากมีรายงานข่าวเหตุระเบิดที่โรงงาน Texas Gulf Coast สัญญาซื้อขายก๊าชล่วงหน้าของสหรัฐฯ ร่วงประมาณ 6% มาที่ 8.699 ดอลล่า/mmBtu หลังจากขึ้นไปแตะระดับสูงสุดในรอบ 14 ปี อยู่ที่ระดับ 9.664 ดอลลาร์/mmBtu เมื่อเช้าวันพุธตามเวลาท้องถิ่นที่ผ่านมา เนื่องจากกังวลความต้องการใช้ก๊าซของโรงงาน

อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในขณะที่ตลาดก๊าซทั่วโลกขาดแคลน LNG เนื่องจากยุโรปกำลังมองหาซัพพลายเพื่อทดแทนก๊าซจากรัสเซียและเอเชียยังคงมีการแข่งขัน

ด้าน คริสเตียน เคลลี่ นักวิเคราะห์ของชไนเดอร์ อีเล็กทริค กล่าวว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะพูดถึงผลกระทบของการระเบิดที่มีต่อตลาดสหรัฐฯ และตลาดต่างประเทศในขณะนี้ แต่แน่นอนว่าตลาดมีปฏิกิริยาในทางลบต่อข่าวนี้ แต่ต้องรอข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับความเสียหายที่เกิดขึ้นที่ก่อนที่จะทราบผลกระทบต่อความสมดุลของอุปสงค์และอุปทานและการจัดเก็บก๊าซ

Back to top button