ฝ่ายค้านแฉ! “สุชาติ” โยกเงิน “ประกันสังคม” ปั่นหุ้น ARIN

ฝ่ายค้านเปิดข้อมูล “สุชาติ ชมกลิ่น” ไฟเขียวบอร์ดกองทุนประกันสังคม เอาเงินไปซื้อหุ้นบริษัทพรรคพวก แล้วกลับมาซื้อหุ้นบริษัทภรรยาตัวเอง ARIN พบราคาพุ่งสวนทางผลประกอบการติดลบ


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงค่ำวานนี้ (19 กรกฎาคม 2565) บรรยากาศการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาญัตติการอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 151 จำนวน 11 คน ยังเป็นไปอย่างเข้มข้น โดยนายนิคม บุญวิเศษ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังปวงชนไทย ได้ลุกขึ้นอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน หลังพบความผิดปกติการอนุมัติเงินกองทุนประกันสังคมไปให้บริษัทพวกพ้องของนายสุชาติ

โดยมีรายงานว่า บอร์ดกองทุนประกันสังคมได้อนุมัติเงินลงทุนในบริษัทพลังงานแห่งหนึ่งที่มีชื่อนาย “สอภอ” เป็นเจ้าของ ซึ่งในแวดวงรู้กันดีว่า บุคคลนี้เป็นนักปั่นหุ้นและฟอกเงิน จากนั้น นาย สอภอ ได้ให้บริษัทลูกอีก 3-4 บริษัท นำเงินมาซื้อหุ้น บริษัท อรินสิริแลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ ARIN ที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ จนราคาหุ้นปรับสูงขึ้นผิดปกติ เพราะเมื่อไปดูผลประกอบการบริษัทนี้ตั้งแต่ปี 2562 จนถึงไตรมาส 1 ของปี 2565 ผลประกอบการติดลบมาโดยตลอด แต่กลับพบว่าในเดือนธันวาคม 2564 ราคาหุ้นเริ่มพุ่งขึ้น ต่อมา 31 มีนาคม 2565 บริษัทก็ยังมีผลประกอบการขาดทุน แต่หุ้นพุ่งขึ้นมาถึง 138%

นายสุชาติจะบอกว่า ไม่เกี่ยวข้องไม่ได้ เพราะหนึ่งในกรรมการบริษัทมีภรรยา นายสุชาติ ถือหุ้นอยู่ด้วย เพื่อดันหุ้น จากราคาไม่กี่สตางค์ ล่าสุดเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2565 ราคาหุ้นอยู่ที่ 6.70 บาท โดยก่อนหน้านี้ผลประกอบการติดลบมาตลอด ไม่เชื่อว่าบริษัทที่มีผลประกอบการขาดทุน ราคาหุ้นจะขึ้นขนาดนี้ เอาเงินรัฐ เงินประกันสังคม เงินลูกจ้าง ที่เก็บไว้ในยามจำเป็น หรือยามเขาตกงาน ที่ต้องอาศัยเงินประกันสังคมมาช่วยพวกเขา แต่ท่านเอาเงินเหล่านี้ไปให้พวกพ้องท่าน อย่างนี้ ซื่อสัตย์สุจริตหรือไม่ เป็นการเอื้อต่อพวกพ้องหรือไม่ จึงขอเรียกร้องให้ ก.ล.ต.เข้ามาตรวจสอบรัฐมนตรีกับพวกเข้าข่ายปั่นหุ้นหรือไม่ โดยตนก็จะยื่นเรื่องให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบด้วย เพราะเรื่องนี้มีข้าราชการในกระทรวงเป็นคนส่งข้อมูลมาให้

อนึ่งจากการตรวจสอบข้อมูลย้อนหลังผ่านตลาดหลักทรัพย์ พบว่า ผลประกอบการ 5 ปี ของ ARIN สำหรับในปี 2561 กำไรสุทธิ 26.05 ล้านบาท ต่อมาในปี 2562 ขาดทุนสุทธิ 14.12 ล้านบาท ขณะที่ในปี 2563 ขาดทุนสุทธิ 54.66 ล้านบาท ส่วนในปี 2564 ขาดทุนสุทธิ 54.66 ล้านบาท และในไตรมาส 1 ปี 2565 ขาดทุนสุทธิ 6.70 ล้านบาท

ขณะเดียวกันนายสุชาติ ยังเป็นรัฐมนตรีที่ขาดความรู้ความสามารถในการบริหารจัดการแรงงาน ปล่อยให้แรงงานต่างด้าวลักลอบเข้าเมืองในช่วงโควิด-19ระบาด ซึ่งเรื่องแรงงานมีผลประโยชน์เกี่ยวข้องจำนวนมาก เพราะจากการสอบถามแรงงานที่เข้ามาในประเทศไทยหลายแสนคน พบมีการเก็บส่วย จ่ายให้นายหน้า โดยแรงงานนอกจากจะเสียค่าใช้จ่ายจากเมียนมา 2 หมื่นบาทแล้ว เมื่อมาถึงประเทศไทยยังต้องเสียอีก 1.5 หมื่นบาท ทั้งที่ ครม.ไม่มีมติให้แรงงานเข้ามา แต่ก็ยังปล่อยให้มีการนำเข้ามา เมื่อแรงงานเข้ามาแล้ว ก็ไม่ได้มีการกักกันตรวจโรค พอนำเข้ามาไปส่งให้บริษัทพรรคพวกของนายสุชาติ โดยหนึ่งในบริษัทก็เป็นพรรคพวกของท่านอยู่ใน จ.ชลบุรี

นอกจากนี้ยังพบการเก็บค่าหัวแรงงานที่จะเดินทางไปทำงานต่างประเทศ 3 พันบาทต่อคน โดยคนที่เก็บอ้างว่า เก็บให้นาย ซึ่งมีหลักฐานการพูดคุยทางไลน์และหลักฐานการโอนเงิน กระทรวงแรงงานแทนที่จะมีนโยบายส่งแรงงานไปต่างประเทศ ไม่ต้องไปเก็บเงิน เพราะแรงงานเหล่านี้ก็ไปหางาน นำเงินเข้าประเทศ แม้ท่านจะไม่ได้เก็บเอง แต่ก็ปล่อยให้กลุ่มบุคคลดำเนินการ จากที่อภิปรายจึงไม่ไว้วางใจนายสุชาติ ควรพิจารณาตัวเอง

ขณะที่ นายสุชาติ ชี้แจงทันทีว่า ตามที่มีการกล่าวหาเรื่องกองทุนประกันสังคม ตนไม่มีความเกี่ยวข้องการซื้อขายหุ้น การที่กองทุนประกันสังคมจะอนุมัติให้ใครล้วนผ่านการพิจารณาจากบอร์ด ที่มีตัวแทนจากหน่วยงานรัฐต่างๆ กองทุนประกันสังคมต้องลงทุนหาเงิน เพื่อให้ผู้ประกันตน 6-7 หมื่นล้านบาท ตนไม่ใช่นักเล่นหุ้น เชื่อว่าคงไม่มีใครคิดทำอะไรผิดกฎหมาย ตนปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ และ พ.ร.บ.การจัดการหุ้นส่วนและหุ้นของรัฐมนตรี พ.ศ.2543 ตามมาตรา 4 ที่ให้รัฐมนตรีถือหุ้นได้ไม่เกิน 5 เปอร์เซ็นต์

นายสุชาติ ยอมรับว่า ก่อนมาเล่นการเมืองได้ทำธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์จริง ไม่ได้ค้าแป้ง เมื่อได้เป็นรัฐมนตรี ได้ชี้แจงทรัพย์สินตั้งแต่ 5 สิงหาคม 2563 และจัดการหุ้นของตัวเองและคู่สมรส และแจ้งต่อประธาน ป.ป.ช.ภายใน 76 วัน ปัจจุบันสัดส่วนการถือหุ้นของตนและครอบครัว ได้โอนมอบทรัพย์สินให้ผู้จัดการบริหารไปเรียบร้อยตามรัฐธรรมนูญ โดยหุ้นที่มีอยู่ไม่เกิน 5% ก็ยังอยู่เท่าเดิม ส่วนการเป็นกรรมการผู้จัดการของคู่สมรสนั้นก็เป็นก่อนที่ตนจะเข้ารับตำแหน่ง ซึ่งไม่ผิดกฎหมายส่วนหุ้นจะขึ้นหรือลงตนไม่ทราบ

ส่วนที่มีการกล่าวหาว่า มีการเอื้อบริษัทใหญ่ให้บริษัทแห่งหนึ่งในชลบุรี นายสุชาติ ชี้แจงว่า ได้ถามอธิบดีกรมจัดหางาน ได้ความว่าบริษัทดังกล่าวรับแรงงานต่างด้าวมา 182 คน ไม่มีการเก็บส่วย ไม่มีการเก็บหัวคิว และเรื่องการส่งแรงงานไปต่างประเทศ ก็เป็นไปตามระเบียบ การส่งแรงงานไทยไปต่างประเทศ ที่แต่ละประเทศมีค่าใช้จ่าย รายละเอียดแตกต่างกัน

Back to top button