“พาณิชย์” เตือนส่งออกไทย รับมือ “อียู” คลอดมาตรการ CBAM

“กระทรวงพาณิชย์” เผยความคืบหน้ามาตรการปรับคาร์บอนก่อนเข้าพรมแดน “CBAM” คาดได้ข้อสรุปรายละเอียดกฎหมาย 15 ธ.ค.นี้ และเริ่มบังคับใช้ 1 ม.ค.66 ในสินค้า 5 ประเภท เหล็กและเหล็กกล้า-อะลูมิเนียม-ซีเมนต์-ปุ๋ย-ไฟฟ้า ทั้งนี้อนาคตอาจขยายมาตรการให้ครอบคลุมสินค้าประเภทอื่นด้วย


นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ความคืบหน้าของการออกมาตรการปรับคาร์บอนก่อนเข้าพรมแดน (Carbon Border Adjustment Mechanism : CBAM) ของสหภาพยุโรป (อียู) ซึ่งขณะนี้ เดินทางมาถึงช่วงโค้งสุดท้ายของกระบวนการออกกฎหมายเพื่อบังคับใช้มาตรการดังกล่าวแล้ว โดยตั้งแต่ช่วงกลางปีที่ผ่านมา กระบวนการออกกฎหมาย CBAM ได้เข้าสู่ขั้นตอนการเจรจาหารือ 3 ฝ่าย ระหว่าง คณะกรรมาธิการยุโรป, รัฐสภายุโรป และคณะมนตรีแห่งสหภาพยุโรป

โดยแต่ละฝ่ายยังมีความเห็นไม่ตรงกัน อาทิ รัฐสภาอียูต้องการขยายขอบเขตสินค้าให้กว้างขึ้น โดยเพิ่มไฮโดรเจน, เคมีภัณฑ์, พลาสติก และขยายระยะเวลาของช่วงเปลี่ยนผ่านเป็น 4 ปี (พ.ศ.66 – 69) ขณะที่ คณะมนตรีฯ ต้องการให้คงไว้แค่กลุ่มสินค้า 5 ประเภทก่อน และให้ยกเว้นการบังคับใช้กับการนำเข้าสินค้าในมูลค่าไม่เกิน 150 ยูโร รวมถึงให้คงระยะเวลาช่วงเปลี่ยนผ่านเป็น 3 ปี เหมือนข้อเสนอเดิมของคณะกรรมาธิการฯ ซึ่งจากการติดตามความคืบหน้า พบว่า อียูจะมีการประชุมครั้งสำคัญ ในวันที่ 15 ธ.ค.นี้ ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปเกี่ยวกับรายละเอียดของกฎหมาย CBAM ต่อไป

สำหรับการออกมาตรการ CBAM สืบเนื่องจากที่คณะกรรมาธิการยุโรป ได้เผยแพร่ร่างกฎหมาย CBAM เมื่อเดือน ก.ค.64 มีสาระสำคัญให้ผู้นำเข้าสินค้ามาในอียูแจ้งปริมาณสินค้าที่นำเข้าในรอบหนึ่งปีก่อนหน้า และปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของสินค้านำเข้านั้น รวมทั้งต้องซื้อใบรับรอง CBAM ตามปริมาณการปล่อยก๊าซฯ ซึ่งราคาใบรับรอง อ้างอิงตามราคาซื้อขายใบอนุญาตปล่อยก๊าซเรือนกระจกในตลาดคาร์บอนของอียู (EU Emission Trading Scheme : EU-ETS) (ราคาเมื่อวันที่ 1 ธ.ค.65 อยู่ที่ประมาณ 85 ยูโรต่อ 1 ตันคาร์บอน)

อย่างไรก็ตาม จะเริ่มบังคับใช้มาตรการ CBAM ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.66 กับสินค้า 5 ประเภท ได้แก่ เหล็กและเหล็กกล้า, อะลูมิเนียม, ซีเมนต์, ปุ๋ย, ไฟฟ้า ซึ่งในอนาคตอาจขยายมาตรการให้ครอบคลุมสินค้าประเภทอื่นด้วย

ส่วนปัจจุบันอียูยังไม่ได้ข้อสรุปในรายละเอียดของมาตรการ CBAM แต่ขอให้ผู้ส่งออกไทยติดตามความคืบหน้าอย่างใกล้ชิด เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือเกี่ยวกับรายการสินค้าที่คณะกรรมาธิการยุโรปเสนอไว้เดิม หรือที่รัฐสภายุโรปต้องการเพิ่ม โดยเฉพาะการประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ เพื่อให้ทราบปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในกระบวนการผลิตสินค้า ซึ่งจะนำมารายงานภายใต้มาตรการและพิจารณาปรับกระบวนการผลิตให้ปล่อยคาร์บอนต่ำ

ทั้งนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทย ได้ประสานงานกันเพื่อเตรียมความพร้อมให้ไทยมีระบบบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจกที่ดีและเป็นที่ยอมรับในระดับสากล รวมทั้งเตรียมความพร้อมก้าวสู่สังคมและเศรษฐกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและปล่อยคาร์บอนต่ำได้ต่อไป

Back to top button