MTC สินทรัพย์ทะลุแสนล้าน ฟาก TIDLOR เบาตัว NPL ต่ำสุด 1.5%

เปิด 10 อันดับ หุ้นไฟแนนซ์พื้นฐานแกร่ง! โชว์ “สินทรัพย์รวม” โตกระหึ่ม MTC ทะลุแสนล้าน ฟาก TIDLOR เบาตัว NPL ต่ำสุด 1.5% ขณะที่บล.โนมูระ พัฒนสิน แนะซื้อ SAWAD-TIDLOR-THANI-KTC-AEONTS


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ทำการสำรวจหุ้นกลุ่มไฟแนนซ์ (Finance) น่าลงทุนมานำเสนอ 10 อันดับแรก โดยประเมินข้อมูล ณ สิ้นงวด 9 เดือนแรก ปี 2565 ซึ่งเป็นหุ้นที่มีพื้นฐานแข็งแกร่งจากสินทรัพย์รวมสูงกว่า 1.1หมื่นล้านขึ้นไป เป็นเกณฑ์ในการคัดเลือก พ่วงกำไร รายได้ ที่ยังเติบโตแข็งแกร่ง

ขณะเดียวกันเมื่อพิจารณาค่า NPL หรือ Non-Performing Loan ซึ่งหมายถึง หนี้ที่ไม่ได้รับการชำระคืนตามข้อกำหนดตกลงกันตามสัญญาโดยปกติกำหนดไว้ที่ 90 วัน ในไตรมาส 3/65 พบว่า จำนวน 10 รายมีแนวโน้มลดลงจากการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ประเมินไว้ทั้งปี 65 นั้นสะท้อนว่าบริษัทมีความสามารถในการเก็บหนี้ได้ตามแผน และคาดว่าแนวโน้ม NPL ในปี 66 จะปรับลดลงต่อเนื่อง หลังเศรษฐกิจมีการฟื้นตัวที่ดีขึ้น ซึ่งจะสามารถเก็บเงินจากลูกหนี้ได้ดีขึ้น

ทั้งนี้จากการสำรวจหุ้นกลุ่มไฟแนนซ์ทั้ง 10 อันดับ โดยอ้างอิงสินทรัพย์รวมพบว่า บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC มีสินทรัพย์รวมสูงสุด ณ งวด 9 เดือนแรกปี 65จำนวน 1.23 แสนล้านบาท ขณะที่กำไรอยู่ที่ 3.96 ล้านบาท

อย่างไรก็ดีหากไปดูในส่วนของ NPL หรือ Non-Performing Loan พบว่า ใน 10 อันดับที่ได้คัดเลือกมาพบว่า บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) หรือ TIDLOR มีค่า NPLในไตรมาส 3/65 ต่ำสุดอยู่ที่ 1.52% ขณะที่นักวิเคราะห์ประเมินไว้ทั้งปี 65 อยู่ที่ 1.60% แต่ถือว่าภาพรวมในการบริการจัดการหนี้สินยังมีประสิทธิภาพและมีแนวโน้มลดลงจากการคาดการณ์ เพราะยังรอตัวเลขในไตรมาส 4/65 ที่จะออกมา ประกอบกับลูกค้าในไตรมาสดังกล่าวเริ่มกลับมาชำระหนี้ตามปกติแล้ว

ส่วนรายละเอียดตัวเลขของหลักทรัพย์ทั้ง 10 ราย สามารถดูจากตารางประกอบ

ด้านบล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุว่า ตลาดเริ่มเปลี่ยนกลุ่มเล่นมายังไฟแนนซ์ หลังแนวโน้มบอนด์ยีลด์ ปรับลงในช่วง 3 ดือนที่ผ่านมา โดยสำหรับอายุ 10 ปีของไทยปรับลงจาก 3.2% เหลือราว 2.5% เช่นเดียวกับสหรัฐฯที่ปรับลงจาก 4.3% เหลือ 3.6% ในช่วงเวลาเดียวกัน ซึ่งตลาดประเมินว่า Bond Yield อาจผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว และคาดหวังว่าเฟดจะชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 31 ม.ค. -1 ก.พ. นี้เหลือเพียง 0.25% ซึ่งจะส่งผลให้กลุ่มไฟแนนซ์ที่ก่อนหน้าขึ้นช้ากว่าตลาดมา มานานจากความกังวลดอกเบี้ยขาขึ้นกลับมาเคลื่อนไหวได้อีกครั้ง

ขณะที่ Valuation ส่วนใหญ่กลุ่มไฟแนนซ์ยังเทรด PER ราว 16 เท่า ต่ำกว่าช่วงก่อนเกิดโควิด-19 ที่ราว 20 เท่า หรือสูงกว่าในส่วนหุ้น MTC, SAWAD, TIDLOR, SAK และ ASK

สอดคล้องกับบล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุว่า หุ้นกลุ่มไฟแนนซ์ราคาในปี 65 ที่ผ่านมาส่วนใหญ่ปรับลดลง อาทิ  MICRO ลดลง 47%, MTC ลดลง 35%, SAWAD ลดลง 21%, TIDLOR ลดลง 19%, THANI ลดลง 5%, AEONTS ลดลง3% และ KTC ลดลง 0.4% ตามลำดับ ซึ่งมองว่าได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว  และมีโอกาสที่ราคาหุ้นจะปรับตัวขึ้นหลังจากนี้ เพราะเชื่อว่าผลประกอบการของกลุ่มไฟแนนซ์ในปี 66 คาดเติบโตเพิ่มขึ้น 12% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน

อย่างก็ดีจากการปรับตัวลงของหุ้นกลุ่มไฟแนนซ์ส่งผลให้เกิดอัพไซด์เปิดกว้าง จากราคาเป้าหมายที่ทางนักวิเคราะห์ได้ประเมินไว้ เช่น SAWAD แนะนำซื้อราคาเป้าหมาย 52 บาท, TIDLOR แนะนำซื้อราคาเป้าหมาย 35 บาท ,THANI แนะนำซื้อราคาเป้าหมาย 5.50 บาท, KTC แนะนำซื้อราคาเป้าหมาย 75 บาท และ AEONTS แนะซื้อราคาเป้าหมาย 2158 บาท 

บล.ดาโอ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ปรับคำแนะนำกลุ่มไฟแนนซ์ (Finance) ขึ้นเป็น “มากกว่าตลาด” จากเดิม “เท่ากับตลาด” และปรับราคาเป้าหมายหุ้น SAWAD แนะนำซื้อขึ้นเป็น 62 บาท (เดิม 53 บาท) และ TIDLOR แนะนำซื้อเป็น 38 บาท จากเดิม 32 บาท และ MTC ปรับคำแนะนำขึ้นเป็น “ถือ” ราคาเป้าหมาย 44 บาท จากเดิม“ขาย” โดยการ rerate targeted PBV ขึ้นเพื่อสะท้อน outlook ที่ดีขึ้นจาก

1) ต้นทุนทางการเงินที่จะเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาด จากแนวโน้ม US Bond Yield และ CPI ไทยมีทิศทางดีขึ้น, 2) การเพิ่มขึ้นของ NPL ในอัตราที่ลดลงตั้งแต่ไตรมาส 2/66 และ 3) สินเชื่อจะยังขยายตัวต่อเนื่อง จากเศรษฐกิจที่ดีขึ้นตามภาคการท่องเที่ยว หลังรัฐบาลจีนผ่อนคลายมาตรการ zero COVID ราคาหุ้นในกลุ่ม Finance (Auto backed) ที่ออกบทวิเคราะห์ปรับตัวลงเฉลี่ยถึง -19% ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา

โดยปรับน้ำหนักการลงทุนขึ้นเป็น “มากกว่าตลาด” จากราคาหุ้นที่สะท้อนปัจจัยลบไปมากแล้ว ในขณะที่ outlook ปี 66 ยังดีอยู่ โดยเฉพาะครึ่งหลังปี 2566 และต่อเนื่องปี 67 ส่งผลให้กำไรปกติปี 66-67 เติบโตเฉลี่ย 13% และ 22%

ในขณะที่ valuation กลับมาน่าสนใจ โดยปัจจุบันเทรดที่ PBV ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย โดยหุ้น Top pick คือ TIDLOR โดยมี 2023E EPS growth ที่สูง 25% จากสินเชื่อที่ขยายตัวดี, NPL ที่สามารถบริหารจัดการได้ และมี coverage ratio ที่สูงถึง 272% มากกว่าผู้ประกอบการรายอื่นที่เฉลี่ยที่ 80%

Back to top button