15 อันดับหุ้น SET50 ราคา “พุ่ง-ดิ่ง” แรงสุดเดือนม.ค.

เปิด 15 อันดับหุ้น SET50 ราคา “พุ่ง-ดิ่ง” แรงมากที่สุดในรอบ 1 เดือนมกราคม DELTA สูงสุด 8.43% ตอกย้ำแนวโน้มกำไรแกร่ง ส่วน JMT ร่วงสูงสุด 22.46% หลังมีหลายปัจจัยกดดัน โบรกชี้กำไรไตรมาส 4/65 แกร่ง


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ทำการรวบรวมข้อมูลราคาหุ้นกลุ่ม SET50 ที่ราคาปรับตัวขึ้นแรงและราคาปรับตัวลดลงแรงในรอบ 1 เดือนมกราคม โดยเปรียบข้อมูลราคาหุ้นปิด ณ วันที่ 30 ธ.ค.65 – 31 ม.ค.66 โดยได้คัดเลือกมา 5 อันดับแรกของกลุ่มที่เข้าเกณฑ์ดังกล่าว ประกอบด้วย

กลุ่มหุ้น SET50 ราคาปรับตัวขึ้นแรงในรอบ 1 เดือน 5 อันดับแรก ประกอบด้วย บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA, ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL, บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CBG, บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ DTAC, ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TTB และ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC 

สำหรับอันดับที่ 1 ที่ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมากที่สุดในรอบ 1 เดือน คือ DELTA โดยในวันที่ 31 ม.ค.66 ราคาหุ้นปิดตลาดที่ระดับ 900 บาท คิดเป็นการปรับตัวขึ้น 8.43% จากระดับ 830 บาท ณ ราคาหุ้นปิดตลาดวันที่ 30 ธ.ค.65 โดยราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นคาดจะมาจากแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงปี 65 จะมีการเติบโตขึ้นอย่างโดดเด่น รวมถึงได้กลับคืนสู่ SET50 อีกครั้ง

โดยบล.โกลเบล็ก ระบุในบทวิเคราะห์ว่า คาดกำไรในไตรมาส 4/65 ออกมาดี โดย Bloomberg consensus คาดไตรมาส 4/65 จะมีกำไร 3,861 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 84% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 6% จากไตรมาส 3/65 ซึ่งทั้งปี 65 คาดจะมีกำไร 14,026 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 109% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไร 6,700 ล้านบาท

บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุในบทวิเคราะห์ว่า คาดกำไรปกติไตรมาส 4/65 อยู่ที่ 3,356 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 118% จากงวดเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 14% จากไตรมาสก่อน โดยคาดยอดขายเพิ่มขึ้น 34% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และ GPM เพิ่มขึ้น 22% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ส่วนทั้งปี 65 คาดกำไรอยู่ที่ 14,699 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 119% จากงวดเดียวกันของปีก่อน

ส่วนหุ้น SET50 ราคาปรับตัวลงแรงในรอบ 1 เดือน 5 อันดับแรก ประกอบด้วย ริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT, บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU, บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA, บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ JMART และ บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP

สำหรับอันดับ 1 ที่ราคาหุ้นปรับตัวลงมากที่สุดในรอบ 1 เดือน คือ JMT โดยในวันที่ 31 ม.ค.66 ราคาหุ้นปิดตลาดที่ระดับ 53.50 บาท คิดเป็นการปรับตัวลง 22.46% จากระดับ 69 บาท ณ ราคาหุ้นปิดตลาดวันที่ 30 ธ.ค.65 โดยราคาหุ้นที่ปรับตัวลงนั้นคาดจะมาจากการกังวลกำไรไตรมาส 4/65 อาจเติบโตไม่สูง, กังวล JMT จะรับรู้รายได้น้อยลงในบริษัทลูกอย่าง J Asset Management หรือ JAM

โดยบล.ดาโอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า คาดการณ์กำไรสุทธิไตรมาส 4/65 จะอยู่ที่ 501 ล้านบาท เติบโต 5% จากงวดเดียวกันของปีก่อน รับปัจจัยบวกจากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไร JK AMC เพิ่มขึ้น โดยปัจจุบัน JK AMC ซื้อหนี้เสียจาก KBANK ที่ 7 หมื่นล้านบาท สูงกว่าเป้าที่ 5 หมื่นล้านบาทแล้ว จึงยังคงแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมาย 64 บาท

บล.กสิกรไทย ระบุในบทวิเคราะห์ว่า คาดกำไรไตรมาส 4/65 จะทำสถิติสูงสุดใหม่ในช่วง 600-700 ล้านบาท รับแรงหนุนจาก (1) การเก็บเงินสดที่แข็งแกร่งขึ้นจากไตรมาสก่อน และจากงวดเดียวกันของปีก่อน (2) ความสามารถในการทำกำไรดีขึ้นจากการประหยัดต่อขนาดที่สูงขึ้น (3) ผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดจะเกิดขึ้น (ECL) ลดลงในงวดไตรมาส 4/65 และ (4) ส่วนแบ่งกำไรที่เพิ่มขึ้นของ JK AMC เนื่องจากบริษัทจะเข้าซื้อหนี้เสีย (NPL) โดย JMT ทางฝ่ายวิจัยมองว่ามีอัพไซด์จากการร่วมทุนกับธนาคารพาณิชย์และอุปทาน NPL ที่เพิ่มขึ้นจากสถาบันการเงินในปี 66 จะเป็นปัจจัยหนุนราคาหุ้น แนะนำราคาเป้าหมาย 73 บาท

Back to top button