“สหรัฐ” มั่นใจแบงก์ยืดหยุ่นได้ แม้เจอวิกฤต SVB 

“สหรัฐฯ” ยังมั่นใจระบบการเงินการธนาคารยังยืดหยุ่นได้หลังจากที่มีการสั่งปิดธนาคาร “ซิลิคอน-วัลลีย์” ไปก่อนหน้านี้


สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า สหรัฐฯ ยังเชื่อมั่นว่า ระบบการเงินการธนาคารยังมีความยืดหยุ่น หลังจากที่มีการสั่งปิดธนาคาร ซิลิคอน-วัลลีย์ โดยกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ ได้ออกแถลงแสดงความเชื่อมั่นว่า กลไกภาคธนาคารของประเทศ ยังคงมีความยืดหยุ่นมากพอ เพื่อจัดการกับวิกฤตด้านการเงินการธนาคาร หลังจากที่ “สำนักงานคุ้มครองการเงินและนวัตกรรมแห่งแคลิฟอร์เนียของสหรัฐฯ” หรือ DFPI ได้สั่งปิดธนาคาร “ซิลิคอน-วัลลีย์” หรือ SVB ซึ่งเป็นธนาคารที่เชี่ยวชาญด้านการจัดหาเงินทุนให้แก่ธุรกิจสตาร์ทอัพ หลังธนาคารแห่งนี้ประสบปัญหาขาดสภาพคล่อง และล้มเหลวในการขายหุ้นเพื่อเพิ่มทุนธนาคาร จนทำให้ลูกค้าต่างพากันแห่ถอนเงินฝาก แต่อย่างไรก็ตามก็มองว่า วิกฤตที่เกิดขึ้นแก่ SVB เป็นเรื่องที่น่ากังวลอย่างยิ่ง

ขณะที่ที่ปรึกษาด้านนโยบายเศรษฐกิจของประธานาธิบดี โจ-ไบเดน ก็ยืนยันว่า ระบบการเงินและการธนาคารของสหรัฐฯได้มีการปฏิรูปมากขึ้นแล้วหลังเกิดวิกฤติการเงินเมื่อปี 2551 อีกทั้งยังมีการทดสอบภาวะวิกฤติทางการเงินอย่างสม่ำเสมอ จึงมีความมั่นใจว่า ภาวะวิกฤติของ SVB จะไม่ส่งผลกระทบมากนัก และจะไม่เกิดปรากฏการณ์โดมิโน่ ซ้ำรอยกับเมื่อ 15 ปีที่แล้ว

ธนาคาร SVB ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ในเมืองซานตา คลารา รัฐแคลิฟอร์เนีย และได้รับการจัดอันดับให้ใหญ่เป็นอันดับที่ 16 ในสหรัฐอเมริกา เมื่อสิ้นปีที่แล้ว โดยมีสินทรัพย์ประมาณ 209 พันล้านดอลลาร์  ที่ผ่านมา SVB ได้พยายามประคับประคองธุรกิจ ด้วยแผนขายหุ้น เพื่อเสริมสภาพคล่อง หลังขาดทุน 1,800 ล้านดอลลาร์จากการขายพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯที่มีมูลค่าลดลง อันเนื่องมาจากธนาคารกลางของสหรัฐฯปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพื่อแก้วิกฤตเงินเฟ้อในรอบปีที่ผ่านมา แต่ SVB ก็ไม่สามารถขายหุ้น เพิ่มทุนได้ ประกอบกับลูกค้าแห่ถอนเงินจากธนาคารเนื่องจากกังวลกับปัญหาที่เกิดขึ้นกับธนาคาร จึงทำให้ธนาคารล้มลงในที่สุด

ทั้งนี้ ปัญหาของ SVB ซึ่งถือเป็นความล้มเหลวของกิจการธนาคารสหรัฐฯครั้งใหญ่สุด นับจากธนาคาร “วอชิงตัน-มิวช่วล” ล้มละลายในช่วงวิกฤตการเงินเมื่อปี 2551 ที่ผ่านมานั้น ได้อยู่ในความดูแลของ “สำนักงานคุ้มครองการเงินและนวัตกรรมแห่งแคลิฟอร์เนีย”หรือ DFPI ที่ต่อมาได้มีการมอบหมายให้สถาบันคุ้มครองเงินฝาก หรือ FDIC ของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ เข้ารับช่วงดูแลกิจการและจัดการสินทรัพย์ของ SVB  พร้อมให้การรับประกันเงินฝากแก่ผู้ฝากเงินในวงเงิน 250,000 ดอลลาร์ต่อบัญชี ซึ่งผู้ฝากฯจะสามารถเข้าถึงเงินฝากของตัวเองได้ในภายในช่วงเช้าวันที่ 13 มี.ค. ในส่วนของยอด 89% ของเงินฝากธนาคารจำนวน 175,000 ล้านดอลลาร์ของธนาคารที่ไม่ได้รับการคุ้มครองนั้น ทาง FDIC ชี้แจงว่าเงินที่ได้จากการขายสินทรัพย์ของธนาคารจะถูกนำไปมอบให้กับผู้ฝากที่ไม่ได้รับการคุ้มครองเหล่านี้

ส่วนของ บรรดาพนักงานของธนาคารซิลิคอนวัลเลย์ นั้น จะได้รับเงินชดเชยเป็นจำนวนเงินเพิ่มขึ้นกว่าค่าจ้างรายวัน 1.5 เท่าเป็นเวลา 45 วัน โดย FDICได้ส่งอีเมล์แจ้งไปยังพนักงานธนาคารซิลิคอนวัลเลย์ ว่าให้พนักงานของธนาคารสามารถลงทะเบียนและรับทราบข้อมูลเกี่ยวกับค่าชดเชยภายในช่วงสุดสัปดาห์นี้ ส่วน เอสวีบี ไฟแนนเชียล กรุ๊ป (SVB Financial Group) อดีตบริษัทแม่ของธนาคารซิลิคอนวัลเลย์ จะเป็นผู้แจ้งรายละเอียดเรื่องค่าชดเชยด้านประกันสุขภาพของพนักงานต่อไป

ทางด้านกระทรวงการคลังของอังกฤษกล่าวถึงวิกฤติด้านการเงินการธนาคารของสหรัฐฯ ในครั้งนี้ว่าทางกระทรวงกำลังร่วมมือกับธนาคารกลางอังกฤษเพื่อหาหนทางที่จะลดการหยุดชะงักที่อาจเกิดขึ้นจากการล้มละลายของธนาคารซิลิคอน-วัลเลย์ในสหรัฐให้ได้มากที่สุด โดยระบุว่าระบบธนาคารของอังกฤษยังคงมีความเข้มแข็งและยืดหยุ่น และธนาคารอื่นๆ ในสหราชอาณาจักรไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด

Back to top button