บอร์ด ธ.ก.ส. เคาะประกันรายได้ยาง-ข้าวโพด วงเงิน 8.2 พันล้าน

บอร์ด ธ.ก.ส. เคาะประกันรายได้ยาง ระยะ 4 วงเงิน 7,566.86 ล้านบาท และผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ วงเงิน 716.10 ล้านบาท รวมวงเงินทั้งหมด 8.2 พันล้าน โดยสามารถตรวจสอบผลการโอนเงินได้ทางแอปพลิเคชัน ธ.ก.ส. หรือผ่านตู้ ATM ของ ธ.ก.ส. ทั่วประเทศ


นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2566 เห็นชอบให้ดำเนินโครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยาง ระยะที่ 4 กรอบวงเงินงบประมาณ 7,566.86 ล้านบาท เกษตรกรได้รับประโยชน์ประมาณ 1.6 ล้านราย พื้นที่สวนยางกรีดได้ ประมาณ 18.18 ล้านไร่ และมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2566 เห็นชอบให้ดำเนินโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 2565/66 กรอบวงเงินงบประมาณ 716.10 ล้านบาท เกษตรกรได้รับประโยชน์ประมาณ 2 แสนราย พื้นที่เพาะปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ 6.95 ล้านไร่ ซึ่งคณะกรรมการ ธ.ก.ส. ในการประชุมเมื่อวันที่ 5 เมษายน 2566 เห็นชอบให้ ธ.ก.ส. ดำเนินโครงการดังต่อไปนี้

1.โครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยาง ระยะที่ 4 เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้เกษตรกรชาวสวนยาง กรณีราคายางตกต่ำ เพิ่มรายได้ สร้างความเข้มแข็งให้ชาวสวนยาง โดยประกันรายได้เดือนตุลาคม – พฤศจิกายน 2565 ให้กับเกษตรกรชาวสวนยางที่ขึ้นทะเบียนและแจ้งข้อมูลพื้นที่ปลูกยางกับการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) ภายในวันที่ 30 มิถุนายน 2565 และเป็นสวนยางอายุ 7 ปีขึ้นไปที่เปิดกรีดแล้ว รายละไม่เกิน 25 ไร่ โดยประกันรายได้แก่เกษตรกรผู้ผลิตยาง 3 ชนิด ได้แก่ ยางแผ่นดิบคุณภาพดี กิโลกรัมละ 60 บาท น้ำยางสด (DRC 100%) กิโลกรัมละ 57 บาท และยางก้อนถ้วย กิโลกรัมละ 23 บาท

โดยประกาศคณะทำงานกำหนดราคากลางอ้างอิง (ยางพารา) เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2566 กำหนดวงเงินชดเชยประกันรายได้กว่า 6,628 ล้านบาท เกษตรกรผู้รับผลประโยชน์ 1,604,379 ราย พื้นที่สวนยางกรีดได้ 18,183,764.59 ไร่ ดังนี้

1.1 ประกันรายได้ เดือนตุลาคม 2565 กำหนดราคากลางอ้างอิง จากยางแผ่นดิบกิโลกรัมละ 11.59 บาท น้ำยางสดกิโลกรัมละ 12.23 บาท และยางก้อนถ้วยกิโลกรัมละ 1.95 บาท วงเงินจ่ายชดเชย 2,604 ล้านบาท

1.2 ประกันรายได้ เดือนพฤศจิกายน 2565 กำหนดราคากลางอ้างอิง จากยางแผ่นดิบกิโลกรัมละ 15.25 บาท น้ำยางสดกิโลกรัมละ 15.10 บาท และยางก้อนถ้วยกิโลกรัมละ 4.06 บาท วงเงินจ่ายชดเชย 4,024 ล้านบาท

ทั้งนี้ ธ.ก.ส. พร้อมโอนเงินไปยังเกษตรกรชาวสวนยางทั่วประเทศ เมื่อ กยท. มีการจัดส่งข้อมูลการขึ้นทะเบียนพร้อมพื้นที่เพาะปลูกยางของเกษตรกรมาให้ ธ.ก.ส. เรียบร้อยแล้ว

2.โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 2565/66 เพื่อผ่อนคลายปัญหาด้านราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่ไม่เสถียร ช่วยให้เกษตรกรได้รับผลประโยชน์จากมาตรการภาครัฐอย่างทั่วถึง โดยประกันรายได้ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ความชื้น 14.5% กิโลกรัมละ 8.50 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 30 ไร่ และไม่ซ้ำแปลง ในพื้นที่เพาะปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ทั่วประเทศที่ทำการเพาะปลูกตั้งแต่ 1 มิถุนายน 2565 ถึง 31 พฤษภาคม 2566 (ยกเว้นข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่แจ้งขึ้นทะเบียนเพาะปลูกเพื่อผลิตเป็นเมล็ดพันธุ์)

โดยประกาศคณะอนุกรรมการกำกับดูแลและกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2566 งวดที่ 1-5 สำหรับเกษตรกรที่แจ้งวันเก็บเกี่ยวก่อนวันที่ 20 พฤศจิกายน 2565 ถึงวันที่ 19 มีนาคม 2566 จำนวน 245,471 ครัวเรือน พื้นที่ 3.85 ล้านไร่ กำหนดราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงสูงกว่าราคาประกัน จึงไม่มีการจ่ายเงินสำหรับงวดดังกล่าว

ทั้งนี้ เกษตรกรสามารถตรวจสอบผลการโอนเงิน ได้ทางแอปพลิเคชัน ธ.ก.ส. A-Mobile และ A-Mobile Plus ตลอด 24 ชั่วโมงและจะมีข้อความแจ้งเตือนเงินเข้าบัญชีผ่าน LINE Official : BAAC Family กรณีที่ลูกค้าสมัครใช้บริการ BAAC Connect รวมถึงสามารถเบิกถอนเงินสดผ่านตู้ ATM ของ ธ.ก.ส. ทั่วประเทศ สำหรับเกษตรกรที่มีข้อสอบถามเกี่ยวกับโครงการดังกล่าวนี้ สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ ธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศ

Back to top button