4 หุ้นเครื่องดื่ม ส่อรายได้หด “สรรพสามิต” เล็งเก็บภาษีความหวานเพิ่ม

FSSIA แนะเลี่ยง 4 หุ้น ได้แก่ SAPPE-ICHI-OSP-CBG เตรียมปรับขึ้นภาษีสรรพสามิต Functional Drink เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันอยู่ที่ 3-10% จะส่งผลกระทบต่อรายได้ขายในประเทศ ชู SAPPE โดนปรับเพิ่มภาษีมากสุด 13%


บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน เอฟเอสเอส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด หรือ FSSIA ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ (17 เม.ย.66) ว่ากรมสรรพสามิตกำลังพิจารณาปรับปรุงแผนการเก็บภาษีใหม่ทั้งระบบ เนื่องจากโครงสร้างเดิมใช้มาตั้งแต่ปี 2560 โดยโครงสร้างใหม่จะนำประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม และนวัตกรรมมาใช้พิจารณา เช่น เครื่องทำโซดาที่สามารถกดได้เอง ควรเสียภาษี แต่ปัจจุบันกฎหมายยังไม่ชัดเจน จึงยังไม่สามารถคิดอัตราภาษีได้

ส่วนเครื่องดื่มเบียร์ที่มีแอลกอฮอล์เป็น 0% ซึ่งปัจจุบันถูกเก็บภาษีในอัตรา 11% ของราคาขายปลีกยังมีราคาต่ำกว่าเครื่องดื่มทั่วไป โดยกรมสรรพสามิตมองว่าไม่เท่าเทียม จึงให้อยู่ระหว่างพิจารณาทบทวน

นอกจากนี้ยังมีเครื่องดื่มเติมสารอาหาร (Functional Drink) ซึ่งปัจจุบันถูกจัดเก็บภาษีในอัตรา 3-10% และขึ้นอยู่กับปริมาณของน้ำผลไม้ต่ำกว่าอัตราภาษีเครื่องดื่มเฉลี่ยที่ 14% (โซดา, น้ำอัดลม, เครื่องดื่มชูกำลัง, ชา และกาแฟ คิดเป็นอัตรา 14% ส่วนน้ำผัก ผลไม้ ถูกเก็บอัตรา 0-10% ขึ้นอยู่กับส่วนผสมของผลไม้

โดยทางฝ่ายนักวิเคราะห์ FSSIA มีมุมมองต่อกลุ่มเครื่องดื่มว่า หากมีการปรับขึ้นภาษีสรรพสามิต Functional Drink เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันอยู่ที่ 3-10% จะส่งผลกระทบต่อรายได้ที่ขายในประเทศ ได้แก่ บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) หรือ SAPPE อยู่ที่ 13% ของรายได้รวม รองมาคือ บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP อยู่ที่ 10%, บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ICHI อยู่ที่ 6.3% และ บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CBG น้อยกว่า 5% ส่วน บริษัท ที.เอ.ซี. คอนซูเมอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TACC ไม่ถูกกระทบ เพราะปัจจุบันเครื่องดื่มผงไม่ถูกเก็บภาษีสรรพสามิต

ขณะที่ SAPPE จะกระทบ Beauti Drink มีสัดส่วนรายได้ 8%, BLUE สัดส่วนรายได้ 3.5% และ Aloe Vera สัดส่วนรายได้ 1.4% รวมเป็นทั้งหมด 13% ของรายได้รวม ซึ่งปัจจุบันถูกเก็บภาษีในอัตรา 3% สำหรับ Beauti Drink และ Aloe Vera ส่วน BLUE ถูกเก็บในอัตรา 10%

นอกจากนี้ OSP จะได้รับผลกระทบในส่วนของ C-vitt ซึ่งมีสัดส่วนรายได้ราว 10% โดยปัจจุบันถูกเก็บภาษีในอัตรา 3% และICHI คาดกระทบในส่วนของรายได้ Non-tea ส่วนใหญ่เป็นน้ำด่าง และ Vitamin Water ซึ่งมีสัดส่วนรายได้ราว 6.3% ของรายได้รวม ส่วนรายได้หลักคือ ชาพร้อมดื่ม ซึ่งปัจจุบันถูกเก็บภาษีในอัตรา 14% อยู่แล้ว

ส่วน CBG คาดกระทบ C-lock สัดส่วนรายได้น่าจะต่ำกว่า 5% ของรายได้

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันยังไม่มีข้อสรุปชัดเจน ยังต้องติดตามต่อไปว่าโครงสร้างภาษีสรรพสามิตเครื่องดื่มแบบใหม่จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร

Back to top button