JMART เร่งปรับโครงสร้างองค์กร หวัง Q3 พลิกกำไร ลุยส่ง “สุกี้ตี๋น้อย” เข้าตลาดปี 67

JMART ส่งสัญญาณพลิกกำไรไตรมาส 3/66 ชัดเจน เร่งแก้ปัญหา SINGER-SGC เริ่มเห็นผลขาดทุนลดลง พร้อมจับตาครึ่งปีหลัง เตรียมปรับโครงสร้างการบริหารงานใหม่ คาดส่ง “สุกี้ตี๋น้อย” เข้าตลาดหุ้นภายในปี 67


นายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจมาร์ท กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JMART เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานของบริษัทหลังจากไตรมาส 1 ปี 2566 พลิกขาดทุน 295 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าในช่วงไตรมาส 2 ปี 2566 ผลการดำเนินงานจะยังมีแรงกดดันเข้ามาจากธุรกิจ บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SINGER และ บริษัท เอสจี แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ SGC ที่ยังคงมีผลกระทบจากทิศทางของ NPL ที่อยู่ในระดับสูง และมีการไหลของ NPL ที่ยังเห็นต่อเนื่องในไตรมาส 2 ปี 2566 แต่มองว่าจะเริ่มเห็นผลกระทบของ SINGER และ SGC ลดลงหลังจากปรับโครงสร้างการบริหารงานใหม่ และปรับแผนการทำธุรกิจในการที่ควบคุมคุณภาพลูกหนี้ และลดต้นทุนมากขึ้น เพื่อแก้ไขสถานการณ์ของทั้ง SINGER และ SGC ให้กลับมาฟื้นขึ้น

“โดยในช่วงที่ผ่านมาบริษัทไม่เคยเจอสถานการณ์แบบนี้เกิดขึ้น ก็เร่งแก้ปัญหาทั้ง SINGER และ SGC ให้เรียบร้อยก่อน ซึ่งอาจจะใช้ระยะเวลาประมาณ 4 เดือน หลังจากปรับโครงสร้างใหม่ ทำให้ SGC และ SINGER กลับมาแข็งแกร่ง ซึ่งเหมือนกับฟุตบอลที่มีการเปลี่ยนโค้ชเข้ามาดูแลผมและทีมงานทุกคนที่ทำงานอยู่พร้อมเดินหน้าแก้ไขปัญหา และสร้างความแข็งแกร่งให้กับทั้ง 6 บริษัทในกลุ่มเจมาร์ทเติบโตขึ้นต่อเนื่อง” นายอดิศักดิ์  กล่าว

อย่างไรก็ตาม มองว่าการแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วนจะทำให้ JMART สามารถกลับมาพลิกมีกำไรได้อย่างชัดเจนในไตรมาส 3 ปี 2566 หากในช่วงไตรมาส 2 ปี 2566 จากการแก้ไขปัญหาของ SINGER และ SGC เริ่มเห็นผลขาดทุนลดลง หรืออาจจะพลิกมีกำไรได้เล็กน้อย ซึ่งจะเร่งแก้ไขปัญหาต่างๆ ให้ได้ตามแผนที่วางไว้

สำหรับในธุรกิจอื่นทั้ง บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT และ บริษัท เจเอเอส แอสเซ็ท จำกัด (มหาชน) หรือ J รวมถึง บริษัท เจเอเอส แอสเซ็ท จำกัด (มหาชน) หรือ PRTR ยังสามารถดำเนินธุรกิจไปได้ดีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งยังคงเดินหน้าในการสร้างการเติบโต โดยเฉพาะธุรกิจสุกี้ตี๋น้อยที่ยังเห็นแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง สามารถทำกำไรในไตรมาส 1 ปี 2566 ราว 209 ล้านบาท จาก 46 สาขาซึ่งเห็นการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง และจะขยายสาขาให้ครบ 60 สาขาภายในปีนี้

ทั้งนี้ “สุกี้ตี๋น้อย” มีแผนจะยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ภายในปลายไตรมาส 3 ปี 2566 หรือต้นไตรมาส 4 ปี 2566 เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) คาดว่าจะเสนอขาย IPO และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ราวไตรมาส 2 ปี 2567 หรือไตรมาส 3 ปี 2567

นอกจากนี้ บริษัทยังคงมีการลงทุนใหม่ๆ ต่อเนื่อง ซึ่งในช่วง 2-3 เดือนนี้ คาดว่าจะเห็นความชัดเจนในการเข้าลงทุนในธุรกิจที่เข้ามาเติมเต็มให้กับ Ecosystem ของ JMART อีกราว 2 ดีล ซึ่งเป็นการลงทุนที่ไซส์ไม่ใหญ่มาก เป็นธุรกิจขนาด SME ที่บริษัทเห็นถึงศักยภาพและนำมาต่อยอดโอกาสในการสร้างการเติบโตให้กับกลุ่ม JMART ได้

ขณะที่ล่าสุดทางเจมาร์ท โมบาย มองแนวโน้มไตรมาส 2 ปี 2566 บริษัทวางเป้าหมายกลยุทธ์สำคัญ ดังนี้ Gadget Destination คาดว่าเติบโต 35%, Financial Desitination คาดว่า ML เติบโตมากกว่า 100% และ RL เติบโต 100%, Digital Transformation เติบโต 50% และ Power of Synergy เติบโต 10%

รวมทั้งมีการลงนาม MOU ร่วมกับ Social Lab ในเรื่องของการหาผลิตภัณฑ์ใหม่ เพิ่มยอดขาย Gadget กลุ่มใหม่ ถัดมาในเรื่องของ Financial Destination สามารถทำได้ออกมาดี ซึ่งบริษัทมียอดขายเติบโตต่อเนื่อง

ด้าน บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT กล่าวว่า บริษัทมีโอกาสในการขยายพอร์ตมากขึ้นจากปีที่แล้วที่ทำ JV และ JK ปัจจุบันจะเห็นว่าพอร์ตกองหนี้เพิ่มขึ้นมาก โดยปัจจุบัน JK มีพอร์ตแสนล้านบาท ซึ่งมองว่าแบ็กล็อกที่ได้มาปัจจุบันไม่น้อยเลย บริษัทมั่นใจว่ายังคงเติบโตแข็งแกร่ง

นอกจากนี้ KB J Capital โดยบริษัทจะสร้างผลิตภัณฑ์การเงินที่เข้าถึงได้ง่ายและมีความสะดวกสบายกับทุกคน ซึ่งบริษัทให้บริการเรื่องของสินเชื่อหมุนเวียน สินเชื่อโทรศัพท์ อีกทั้งบริษัทเตรียมวางแผนที่จะเปิดตัวผลิตภัณฑ์เพิ่มเติม เพื่อรองรับตลาดและสร้างผลิตภัณฑ์ให้สะดวกยิ่งขึ้น โดยในปี 2566 บริษัทตั้งเป้ากำไรอยู่ที่ 100 ล้านบาท

นอกจากนี้ บริษัท เจเอเอส แอสเซ็ท จำกัด (มหาชน) หรือ J กล่าวว่า ในปี 2566 บริษัทมีแผนขยาย IT Junction ไม่ต่ำกว่า 10 สาขา โดยในไตรมาส 2 ปี 2566 เตรียมเปิด 4 สาขา ถัดมาบริษัทจะขยายศูนย์การค้าชุมชนหรือช้อปปิ้งมอลล์ 2 แห่ง คือ บางบัวทอง และลาดปลาดุก คาดเปิดช่วงไตรมาส 3 ปี 2566 รวมทั้งในไตรมาส 4 ปี 2566 จะเปิดที่รามคำแหง ขณะที่โครงการ Senera บริษัทได้เปิดไปเรียบร้อยแล้วเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมาสาขาคูบอน ส่วนปลายปีจะเปิดสาขาลาดปลาดุก โดยจะเน้นไปในของเฮลท์แคร์เซอร์วิส สำหรับกลุ่มเป้าหมายชุมชน ทั้งนี้ บริษัทมั่นใจสามารถเติบโตต่อเนื่อง

Back to top button